บล.ฟินันเซีย ไซรัส:

SANSIRI (SIRI TB)

คาดกําไร 3Q23 อยู่ในเกณฑ์ดี

  • ประเมิน 3Q23 กําไรสุทธิ -10% q-q, +15% y-y แต่กําไรปกติ +20% q-q, +16% y-y แรงหนุนหลักจากยอดโอนเพิ่มขึ้นทั้ง JV และ SIRI
  • แนวโน้มกําไร 4Q23 คาดทรงตัว q-q แต่ลดลง y-y ขณะที่จบปี 2023 ยังทํา New High
  • ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 1.90 บาท (อิง PER 7x) คงคําแนะนําซื้อ

คาดกําไรปกติ 3Q23 โต q-q, y-y ตามยอดโอนเร่งขึ้นทั้ง JV และ SIRI

เราประเมินกําไรสุทธิ 3Q23 อยู่ที่ 1.46 พันล้านบาท (-10% q-q, +15% y-y) หากไม่รวมรายการพิเศษ 402 ล้านบาทใน 2Q23 กําไรปกติ 3Q23 คาดโต 20% q-q และ 16% y-y ขับเคลื่อนจากส่วนแบ่งกําไร JV เร่งขึ้นเป็น 180 ล้านบาท (+174% q-q, +20% y-y) หนุนด้วยโครงการแนวราบ BuGaan Pattanakarn 30 (มูลค่า 400 ล้านบาท) ที่ปิดการขายรวดเร็วและรับรู้ยอดโอนได้ทั้งโครงการ ส่วนยอดโอน SIRI คาด 8.3 พันล้านบาท (+4%q-q, +6% y-y) หลักๆจากแนวราบที่เปิดตัวใน 2Q23 ส่วนคอนโดเป็นการโอนต่อเนื่องของโครงการใหญ่ XT Phayathai รวมถึงคอนโดสร้างเสร็จใหม่ Hay Hua Hin (มูลค่า 980 ล้านบาท มียอดขาย 56%) และคอนโดใหม่ที่สร้างเสร็จก่อนขายอย่าง NIA by Sansiri (มูลค่า 1.4 พันล้านบาท มียอดขาย 20%) ส่วนอัตรากําไรขั้นต้นอสังหาฯ คาดอยู่ที่ 33.5% ปรับขึ้นจาก 2Q23 จาก Project Mix ของแนวราบใหม่ที่มียอดขายดี

รุกเปิดโครงการใหม่พร้อมเน้นทํากิจกรรมการตลาด หนุนยอด Presales 4Q23

แผนการเปิดโครงการใหม่ 4Q23 เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย บวกกับบริษัทเน้นทํากิจกรรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขาย โดยช่วงปลายเดือนต.ค. จัดงาน Museum Of YOU สร้างยอดขายถึง 2.5 พันล้านบาทภายใน 2 วัน นอกจากมีโปรโมชั่นคอนโดเหลือขาย ยังเปิดตัวโครงการใหม่บางส่วนของ 4Q23 ไฮไลท์คือคอนโด Via Ari มูลค่า 2.2 พันล้านบาท สร้างยอดขาย 36% หรือ 800 ล้านบาท รวมถึงแนวราบ 4 แห่งภายใต้แบรนด์เศรษฐสิริ ทํายอดขายรวม 840 ล้านบาท เป็นแรงหนุนยอด Presales เร่งขึ้นใน 4Q23

แนวโน้มกําไร 4Q23 คาดทรงตัว จบปี 2023 ยังทํา New High

หากงบ 3Q23 ตามคาด กําไรปกติ 9M23 จะอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท (+58% y-y) คิดเป็น 77% ของคาดการณ์ทั้งปี แม้มี Backlog แนวราบ สิ้น 3Q23 สูงราว 1 หมื่นล้านบาท แต่การก่อสร้างที่ล่าช้าในบางโครงการจากปัญหาสภาพอากาศและผู้รับเหมาไม่เพียงพอ ทำให้คาดรับรู้ในปีนี้ราว 6.7 พันล้านบาท รวมถึงไม่มีคอนโดสร้างเสร็จใหม่ เบื้องต้นจึงคาดกําไร 4Q23 ทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อย q-q แต่ลดลง y-y จากฐานสูง โดยประมาณการกําไรปกติที่ 5 พันล้านบาท (+23% y-y) ซึ่งมี Upside ราว 3% และเป็นระดับสูงสุดใหม่

ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 1.90 บาท คงคําแนะนําซื้อ

เราปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2024 ที่ 1.90 บาท โดยปรับ PER เป็น 7x หรือค่าเฉลี่ยย้อนหลัง -0.25 SD (จากเดิม 7.9x) สะท้อนทิศทางกําไรปกติปี 2024 คาดชะลอลง 5% y-y หลังสต็อกคอนโดลดลงและฐานสูงแนวราบ ราคาหุ้นปรับลง 25% ภายใน 2 เดือน ทําให้มี Upside ราว 23% ปัจจุบันซื้อขายบน PE2024 ที่ 5.6x และคาดให้ปันผลราว 7% ต่อปี โดยงวด 2H23 คาด 0.07 บาท/หุ้น Yield 4.5% จึงคงคําแนะนําซื้อ

Investment thesis

SIRI เปิดเผยแผนเชิงรุกในปี 2023 ดังนี้ 1) บริษัทฯ ตั้งเป้ายอด Presales ที่ 4.7 หมื่นลบ+) .22% y-y) และยอดโอนที่ 4.1 หมื่นลบ.(+11% y-y) 2) แผนเปิดตัว 52 โครงการใหม่ซึ่งทําสถิติสูงสุดใหม่ที่ 7.5 หมื่นลบ. (+74% y-y) แบ่งเป็นแนวราบ 68% และคอนโด 32% 3) มุ่งเน้นในตลาดระดับ High End และตลาดต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น และ 4) บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายชาวต่างชาติ 54% y-y จากตลาดที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง อาทิ จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และ รัสเซีย รวมถึงตลาดใหม่ที่มีศักยภาพอย่าง CLMV

Company profile

SIRI มุ่งเน้นการเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนําของประเทศไทย ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 38 ปี โดยกลุ่มบริษัทมีการประกอบธุรกิจหลัก แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจการลงทุน โดยมีธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจหลัก มีสัดส่วนรายได้ 91% ของรายได้รวมในปี 2022 มีผลิตภัณฑ์ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ช๊อปเฮาส์ และคอนโดมิเนียม ครอบคลุมทุกระดับราคา กระจายในทําเลทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

www.sansiri.com

Catalysts

ปัจจัยหนุนต่อการเติบโตคือ 1) ความสําเร็จของการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเฉพาะโครงการแนวราบระดับ High End อาทิ แบรนด์ Narasiri, BuGaan และเศรษฐสิริ 2) การเปิดตัวใหม่คอนโดใหม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับดีและทํา Take-up rate บรรลุเป้า 3) ศักยภาพการเพิ่มขึ้นของยอดขายชาวต่างชาติ ซึ่ง SIRI มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับต้นๆในกลุ่มนี้

Risks to our call

ความเสี่ยงต่อประมาณการ 1) Take-up rate โครงการใหม่ตํ่ากว่าคาด 2) เศรษฐกิจและกําลังซื้อชะลอตัว 3) การแข่งขันรุนแรง 4) อัตราการปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคารและยอดยกเลิกจากลูกค้าสูงขึ้น 5) การก่อสร้างล่าช้าและการขาดแคลนแรงงาน และ 6) อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอสังหาฯ

- Advertisement -