บล.กรุงศรีฯ:
AAPICO HITECH (AH TB/ AH.BK)
กลุ่มอุตสาหกรรม | ยานยนต์ |
หุ้น | AH |
มูลค่าพื้นฐาน | 41.00 |
คำแนะนำ | BUY |
เราคาดว่ากําไรใน 3Q23F จะทรงตัว yoy อยู่ที่ 423 ล้านบาท (-0.6% yoy, +41.6% qoq) เพราะไม่มีรายได้ equity income จาก Hyundai เข้ามาอีกตั้งแต่ 2Q23 อย่างไรก็ตาม ผลการดําเนินงานจากธุรกิจหลักยังคงแข็งแกร่ง เรายังคงคําแนะนําซื้อ BUY และประเมินราคาเป้าหมายที่ 41 บาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น AH ในปัจจุบันมี P/E ต่ำที่สุดในกลุ่มยานยนต์
คาดว่ากําไรจะทรงตัวใน 3Q23
ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยลดลง 6% yoy ใน 3Q23 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ารายได้ของ AH จะยังคงเพิ่มขึ้นใน 3Q เป็น 7.7 พันล้านบาท (+4.8% yoy, +7% qoq) เนื่องจาก (i) มีคําสั่งซื้อใหม่ และ (ii) รายได้จากจีน และมาเลเซียเพิ่มขึ้น เราคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้นตามรายได้เป็น 11.5% จาก 11.1% ใน 3Q22 ดังนั้น เราจึง คาดว่ากําไรจากการดําเนินงานจะเพิ่มขึ้น 24.6% yoy อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ากําไรจากธุรกิจหลักจะทรงตัว (yoy) อยู่ที่ 423 ล้านบาท (-0.6% yoy, +41.6% qoq) เพราะไมมีรายได้ equity income จาก Hyundai Motor (Thailand) ซึ่งรายได้ส่วนนี้ใน 3Q22 อยู่ที่ 56 ล้านบาท นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะบันทึกกําไรจาก อัตราแลกเปลี่ยน 72 ล้านบาท จากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง
คาดว่าจะกลับมาโตได้ใน 4Q23
ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศไทยมีแนวโน้มจะลดลง 6-10% yoy ใน 4Q23 แต่เรายังคงคาดว่ากําไรจากธุรกิจหลักของ AH จะใกล้เคียงกับใน 4Q22 ที่ประมาณ 539 ล้านบาท เนื่องจาก Hyundai ส่งผลขาดทุนมาที่ AH 26 ล้านบาทใน 4Q22
คงคําแนะนําซื้อ และประเมินราคาเป้าหมายที่ 41 บาท
ราคาหุ้น AH อยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน เราชอบ AH เพราะราคาหุ้นน่าสนใจ โดยคิดเป็น PE เพียง 5.8x (เท่ากับค่าเฉลี่ย -1S.D.) ซึ่งต่ำสุดในกลุ่ม เราคาดว่าผลประกอบการจะไม่น่าตื่นเต้นใน 3Q23 เพราะผลจาก Hyundai แต่กําไรจากการดําเนินงานน่าจะยังแข็งแกร่งไปตลอดปีนี้ และคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นในปีหน้า AH ยังคงมองบวกกับแนวโน้มในปี 2024 จาก (i) ความคาดหวังว่ายอดผลิตรถยนต์ของไทยยังโตได้ (ii) คําส่ังซื้อใหม่ (iii) โอกาสที่จะได้คําสั่งซื้อชิ้นส่วน EV ใหม่ ๆ และ (iv) upside จากโรงงาน Avee และ Purem (ซึ่งหากนํามารวมในประมาณการจะทําให้กําไรเพิ่มขึ้น 5.2%) ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายของเราอิงจาก PER ที่ 8x (เท่ากับค่าเฉลี่ย +0.5 S.D.)