ทรู คอร์ปอเรชั่น เผยล่าสุดทริสเรทติ้งประกาศยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของทรู ระดับ A+ แนวโน้ม “คงที่” (Stable) ทั้งองค์กรและหุ้นกู้ชุดใหม่
- มั่นใจคำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่สั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องกรณีพิพาทระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับ กสทช. ไม่มีผลต่อการควบรวมของบริษัทที่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ และถูกต้องครบถ้วนตามกระบวนการทางกฎหมายเเล้ว
2 พฤศจิกายน 2566 – วันนี้ (2 พ.ย.) ทริสเรทติ้งประกาศยืนยันอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (ข้อมูลจาก https://www.trisrating.com/th/) รวมถึงหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“ทรู”) ที่กำลังเสนอขายอยู่ ที่ระดับ “A+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ด้วยเหตุที่ว่าคำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท และสถานะความเสี่ยงด้านธุรกิจและความเสี่ยงด้านการเงินของบริษัทยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “คำสั่งศาลปกครองสูงสุดดังกล่าวเป็นเพียงการสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องข้างต้นของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ได้ยื่นฟ้องโดยขาดอายุความไปแล้วเท่านั้น โดยที่ศาลปกครองชั้นต้นยังจะต้องพิจารณาประเด็นของคดีดังกล่าวต่อไปว่ามติรับทราบการควบรวมธุรกิจของ กสทช. ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
การฟ้องคดีดังกล่าวเป็นข้อพิพาทระหว่างมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับ กสทช. และไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจใดๆ ของบริษัทฯ การควบรวมของ ทรู (เดิม) และดีแทค ได้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว และเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเหมือนกับกระบวนการควบรวมธุรกิจที่ผ่านมาของบริษัทมหาชนซึ่งประกอบธุรกิจโทรคมนาคม อีกทั้งคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้ยื่นฟ้อง กสทช. ดังกล่าวเป็นคดีที่มีประเด็นเดียวกันกับคดีที่ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวโดยศาลเห็นว่า มติรับทราบการควบรวมบริษัทของ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว จีงไม่มีเหตุรับฟังได้ว่ามติรับทราบการควบรวมธุรกิจของ กสทช. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่นกำลังเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนจำนวน 5 ชุด อายุหุ้นกู้ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.15-4.60% ต่อปี เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนได้ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำที่มีศักยภาพ และความน่าเชื่อถือระดับ A+ (แนวโน้มอันดับเครดิต คงที่)โดยสามารถจองซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เท่านั้น โดยมีธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงศรีอยุธยา ซีไอเอ็มบี ไทย และยูโอบี เป็นผู้จัดจำหน่าย รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้