บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
Central Pattana (CPN.BK/CPN TB)*
ประมาณการ 3Q66F : คาดกำไรทำจุดสูงสุดใหม่
Event
ประมาณการ 3Q66F
lmpact
คาดกำไร 3Q66F ทำสถิติสูงสุดใหม่
ใน 3Q66F เราคาดว่า CPN จะรายงานผลการดำเนินงานอย่างน่าประทับด้วยกำไรสุทธิที่ 4.05 พันล้านบาท (+41.0% YoY และ +10.1% QoQ) โดยไม่มีรายการพิเศษเกิดขึ้นในไตรมาสนี้ (Figure 1) นับได้ว่าผลการดำเนินงานดีขึ้นเป็นไตรมาสที่แปดติดต่อกัน หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 3Q64 ด้วยกำไรสุทธิเพียง 229 ล้านบาทและมีขาดทุนปกติอยู่ที่ 200 ล้านบาทในไตรมาสดังกล่าว สำหรับงวด 3Q66 จำนวนลูกค้าเข้าห้างสรรพสินค้า โดยรวมคาดว่าคงที่ QoQ อยู่ที่ 92% ของระดับปกติ (เทียบกับ 90% ใน 3Q65) ขณะที่อัตราส่วนลดเฉลี่ยให้แก่ผู้เช่าพื้นที่ห้างจะอยู่ในระดับปกติที่ 4% (ไม่เปลี่ยนแปลง QoQ) ในด้านธุรกิจโรงแรม คาดมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (average occupancy rate) คงที่ QoQ อยู่ที่ 65% ส่วนธุรกิจที่อยู่อาศัย คาดเป็นอีกไตรมาสหนึ่งที่มีอัตราการเติบโตแข็งแกร่งอยู่ที่ 90% QoQ จากยอดโอนมากขึ้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หาดใหญ่ ภูเก็ต และโคราชใน 3Q66 โดยภาพรวมแล้ว แต่ละธุรกิจส่วนใหญ่คาดเติบโต QoQ ใน 3Q66F ตามที่เราคาดว่าบริษัทมีการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ดังนั้น เราคาดรายได้อยู่ที่ 1.19 หมื่นล้านบาท (+31.9% YoY และ +9.4% QoQ) ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้นรวมทุกธุรกิจ (Blended gross margin) น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 52.1% เทียบกับ 49.8% ใน 3Q65 และ 51.5% ใน 2Q66 ทั้งนี้ เราคาดกำไรสุทธิใน 3Q66F และ 9M66F คิดเป็น 30.8% และ 83.4% เมื่อเทียบกัลบประมาณการกำไรเต็มปีของเรา
คงมุมมองบวกต่อการเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
ในระยะถัดไป 4Q66 เราคิดว่า CPN ยังคงมีกำไรสุทธิแข็งแกร่งต่อเนื่องในช่วงขาขึ้น ส่วนในระยาว แนวโน้มการเติบโตของบริษัทคาดการขยายตัวต่อเนื่องด้วยการมีโครงการ mixed-use มากขึ้น ขณะที่บริษัทมีแผนจะเปิดห้างใหม่ ๆ ที่ Central Westville และ Central ระยองใน 4Q66 นอกจากนั้น CPN คาดว่าจะเปิดโครงการมากขึ้นอีกในปี 2567 เช่น Central นครสวรรค์, Central นครปฐม และ Central กระบี่ ส่วนที่ Dusit Central Park คาดเปิดโครงการใหม่เต็มรูปแบบในปี 2568
มีความเป็นไปได้ที่ประมาณการกำไรปี 2566-2567F ของเราอาจมี upside
หากพิจารณาจากประมาณการกำไร 9M66F เราคิดว่ากำไรของ CPN ปี 2566-2567F อาจมี upside อยู่ราว 7%-8% จากประมาณการปัจจุบันของเรา ขณะที่เราคาดกำไรสุทธิปี 2566F ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท (+22.2% YoY) และปี 2567F อยู่ที่ 1.48 หมื่นล้านบาท (+12.8% YoY) แรงหนุนจาก i) อานิสงส์จากการที่ประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบจากปี 2566 ii) โมเมนตัมบวกจากการลงทุนใน SF iii) การรุกขยายเปิดห้างแห่งใหม่หลายแห่งในอนาคตและ iv) การควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ได้ดี
Valuation & Action
จากการที่เรามองแนวโน้มกำไรเป็นบวกอีกหลายปีในอนาคต เรายังคงคำแนะนำซื้อ โดยประเมินราคาเป้าหมาย DCF กลางปี 2567 ที่ 83.00 บาท ( ใช้ WACC ที่ 7.8% และ TG ที่ 4%)
Risks
เกิดโรคระบาดรุนแรง มีการปิดศูนย์การค้าหลายแห่ง และ มีการให้ส่วนลดกับผู้เช่าพื้นที่