บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Banpu (BANPU) คาด 3Q66 พลิกกลับมาทำกำไร
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +24.5%
- Close Nov 1, 2023 Price (THB) 7.55
- 12M Target (THB) 9.40
- Previous Target (THB) 10.00
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 3Q66 อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท ไม่โดดเด่นเหมือน 3Q65 โดย -89% YoY จากฐานสูงช่วงรัสเซีย VS ยูเครน แต่สามารถฟื้นตัวจากขาดทุนใน 2Q66 หนุนด้วยธุรกิจไฟฟ้าที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการเริ่มรับรู้โรงไฟฟ้า Temple II (ตั้งแต่เดือนก.ค.) และอุปสงค์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ สูงขึ้นช่วง Heat Wave ขณะที่ธุรกิจก๊าซขาดทุนลดลง และธุรกิจถ่านหินประคองตัว
- ปรับราคาเหมาะสมใหม่เป็น 9.40 บาท อ้างอิง PBV 0.7 เท่า (-1.25 SD)
Our view
- สำหรับ 4Q66 แม้ผลประกอบการของโรงไฟฟ้า Temple I & II จะชะลอตัวตามฤดูกาล และแผนปิดซ่อมบำรุง ทั้งนี้ คาดกำไรจะเร่งตัวขึ้น QoQ จากการผลิตถ่านหินที่ราบรื่นขึ้น, ราคาก๊าซธรรมชาติสูงขึ้นตามฤดูกาล, แผนซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสาลดลง
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง คาดหวังการฟื้นตัวจากการเข้าสู่ High Season ของการใช้พลังงานในฤดูหนาว ราคาปัจจุบัน ซื้อขายบน PBV -1.50 SD ถือว่า Downside จำกัด
3Q66 ฟื้นตัว QoQ พลิกกลับมาทำกำไร หลังเริ่มรับรู้โรงไฟฟ้า Temple II
คาดกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 1.9 พันล้านบาท แม้ผลประกอบการ 89% YoY ไม่โดดเด่นเท่า 3Q65 เนื่องจากเป็นช่วงวิกฤตพลังงานจากความขัดแย้งรัสเซีย vS ยูเครน อย่างไรก็ตาม หากเทียบกับ 2Q66 ประเมินว่าผลประกอบการจะสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้งหนุนจาก 1) ธุรกิจไฟฟ้าแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Temple II ตั้งแต่ต้นเดือนก.ค., การเข้าสู่ High Season และเหตุการณ์ Heat Wave ในสหรัฐฯ, โรงไฟฟ้าถ่านหินในจีนได้รับอานิสงส์จากการปรับเพิ่มค่าไฟ – การลดลงของต้นทุนถ่านหิน ซึ่งสามารถชดเชยแผนปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหงสา และขาดทุนป้องกันความเสี่ยงได้ทั้งหมด 2) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะขาดทุนลดลง หลังราคาก๊าซ Henry Hub เพิ่มขึ้นเป็น USS2.7/mmbtu (+14% QoQ) 3) อัตราภาษีจ่ายลดลง เนื่องจากภาษีเงินปันผลรับของ ITM ลดลง 4) กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 1.4 พันล้านบาท 5) ธุรกิจถ่านหินประคองตัว QoQ เพราะแม้ได้รับแรงกดดันจากราคาถ่านหินในตลาดโลกลดลง, ปัญหาธรณีวิทยาของเหมืองในออสเตรเลีย กระทบปริมาณ และต้นทุนการผลิต แต่ปัจจัยลบดังกล่าวสามารถชดเชยได้จากการควบคุมค่าใช้จ่าย และการปรับสัญญาราคาของ CEY
เร่งปรับตัวเข้าสู่พลังงานสะอาด
บริษัทฯ มุ่งหน้าเพิ่มสัดส่วนธุรกิจพลังงานสะอาดตามกลยุทธ์ Greener & Smarter ตั้งเป้ามีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจพลังงานสะอาด และเทคโนโลยีพลังงานอย่างน้อย 50% ในปี 2568 ล่าสุดต้นเดือนต.ค.BANPU Next (ถือหุ้นโดย BANPU : BPP ที่ 50 : 50) เข้าซื้อหุ้น 40% ใน SVOLT Energy Technology (Thailand) มูลค่า 750 ล้านบาท SVOLT เป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน Module Pack อยู่ที่จ.ชลบุรี กำลังผลิต 6 หมื่นชุดต่อปี หรือคิดเป็นราว 2 GW จะเริ่มส่งมอบได้ช่วง 1Q67 แม้ระยะสั้นยังไม่ส่งผลต่อประมาณการกำไรของ BANPU อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากกำลังผลิตตามสัดส่วนไม่สูงมาก อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าเป็นค่ายยานยนต์ GWM HOZON ที่เป็นที่รู้จัก, สามารถเติบโตไปตาม อุตสาหกรรม EV ของไทย, โอกาสต่อยอดธุรกิจเทคโนโลยีพลังงานของเครือ BANPU ได้ เช่น Durapower
4Q66 คาดหวังกำไรเร่งตัวขึ้นช่วงฤดูหนาว
สำหรับ 4Q66 แม้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า Temple I & II จะลดลงจากแผนปิดซ่อมบำรุง และอุปสงค์ไฟฟ้าชะลอลงตามฤดูกาล อย่างไรก็ตาม คาดกำไรจะปรับตัวดีขึ้นจาก 1) ปริมาณส่งมอบถ่านหิน ITM เพิ่มขึ้น 2) แผนย้ายหน้างาน (LW Relocation) ของ CEY ลดลง 3) ราคาขาย CEY อยู่ระดับสูงจากสัญญาราคาฉบับใหม่ 4) ราคาก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล 5) โรงไฟฟ้าหงสาปิดซ่อมบำรุงลดลง
ลุ้นการฟื้นตัวช่วง High Season
ปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 9.40 บาท/หุ้น อ้างอิง PBV ที่ 0.7 เท่า (เดิม 0.8 เท่า) โดยให้ส่วนลด -1.25 SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี (เดิม -1.00 SD) เพื่อให้สะท้อนภาวะตลาดทุนในปัจจุบันที่มีความเสี่ยงจากปัจจัยมหภาคที่เปราะบาง, ความเสี่ยงสงคราม, ภาวะอัตราดอกเบี้ยสูง (สอดคล้องกับหุ้นอื่นๆ ใน Yuanta Coverage) ราคาปัจจุบันหุ้นยังมี Upside Gain 24.5% คงคำแนะนำ “ซื้อ” (เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง) ลุ้นการฟื้นตัวตามทิศทางราคาก๊าซธรรมชาติ – ถ่านหินที่กำลังเข้าสู่ High Season ในฤดูหนาวช่วง 4Q66 – 1Q67 อีกทั้งราคาปัจจุบันซื้อขายบน PBV ที่ 0.6 เท่า Discount จากค่าเฉลี่ย 10 ปีกว่า -1.50 SD ถือว่า Downside จำกัด (บริษัทฯ จะรายงานงบการเงินวันที่ 10 พ.ย.)