บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):

Bangkok Asset Management (BAM) 3Q66 กำไรยังไม่สดใส เป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้น

Action TRADING (Maintain)

  • TP upside (downside) +15.2%
  • Close Nov 1, 2023 Price (THB) 8.85
  • 12M Target (THB) 10.20
  • Previous Target (THB) 14.00

What’s new?

  • คาด BAM จะมีกำไรสุทธิ 3Q66 จำนวน 356 ลบ.ลดลง 50.3%YoY และ 16.1%QoQ หลังมีลูกหนี้ NPL รายใหญ่ขอเลื่อนการชำระบัญชี เพราะมีปัญหาด้านแหล่งเงินทุน ประกอบกับยอดขาย NPA ทำได้น้อยกว่าเป้า
  • เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/67 ของ BAM ลง 33.6%/21.7% เพื่อสะท้อนกำไรสุทธิ 3Q66 ที่แย่กว่าคาด ส่วน 4Q66 เบื้องต้นคาดกำไรลดลง YoY แต่ฟื้นตัวขึ้น QoQ ส่งผลให้ทั้งปี 2566 คาด BAM จะมีกำสุทธิ 1,602 ลบ. ลดลง 41.2%YoY

Our view

  • แม้ BAM จะมีการประมูลหนี้เสียเข้ามามากในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยรูปแบบธุรกิจที่เน้นซื้อหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ทำบริษัทต้องใช้เวลาราว 1-2 ปีในการเจรจา และดำเนินขั้นตอนทางกฎหมายก่อนที่จะเริ่มรับรู้รายได้  ทำให้เรามองว่าการฟื้นตัวของกำไรสุทธิ ดังนั้นเราจึงมองว่าราคาหุ้นจะถูกกดดันต่อจนกว่าจะเห็นพัฒนาการทางธุรกิจใหม่ ๆ ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.2% หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 10.20 บาท เราจึงคงคำแนะนำ “TRADING”

คาดกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 356 ลบ. ลดลง 50.3%YoY และ 16.1%QoQ

เราคาด BAM จะมีกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 356 ลบ. ลดลง 50.3%YoY และ 16.1%QoQ ต่ำกว่าที่เราและตลาดเคยประเมินไว้ว่าจะเห็นการฟื้นตัวจากฐานที่ต่ำใน 2Q66 เนื่องจาก 1) รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิคาดลดลงเล็กน้อย แม้คาดจะมีรายได้จากกลุ่มลูกหนี้ปรับโครงสร้างมากขึ้น ซึ่งปกติจะเริ่มเห็นยอดจัดเก็บเงินสดจากลูกหนี้ดังกล่าวฟื้นตัว QoQ ตามจำนวนวันติดตามหนี้ที่เพิ่มขึ้นจาก 2Q66 แต่คาดจะถูกหักล้างด้วยผลของต้นทุนทางการเงินที่เร่งตัวขึ้นจาก 3.3% ใน 2Q66 เป็น 3.5% หลังบริษัทได้ออกหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่า 5.5 พันลบ. ในช่วงปลาย 2Q66 2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยคาดลดลง 2.8%QoQ สอดรับกับยอดจัดเก็บเงินสดจากทั้งกลุ่มลูกหนี้ NPL ที่มีการนำหลักประกันประมูลขายผ่านกรมบังคับคดีและการขาย NPA ผ่านช่องทางของบริษัท เนื่องจากธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการพิจารณาการให้สินเชื่อ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ทำให้ความต้องการบ้านมือสองลดลง และ 3) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานคาด 4.6%QoQ หลักๆ มาจากค่าใช้จ่ายพนักงานและค่าใช้จ่ายการตลาดที่เพิ่มขึ้น

ปรับลดประมาณการ สะท้อนผลจัดเก็บเงินสดของ NPL และ NPA ที่น้อยกว่าคาด

หากเป็นไปตามคาด BAM จะมีกำไรสุทธิ 9M66 เพียง 43.4% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งต่ำเกินไป หลังลูกหนี้ NPL รายใหญ่มูลค่าราว 1.3 พันลบ. ที่เคยมีกำหนดการชำระบัญชีใน 3Q66 ขอเลื่อนการชำระออกไปก่อน เนื่องจากมีปัญหาด้านแหล่งเงินทุน นอกจากนี้การขาย NPA ยังทำได้น้อยกว่าคาด ตามภาวะเศรษฐกิจที่มีการฟื้นตัวค่อนข้างจำกัด บวกกับดอกเบี้ยในตลาดที่เร่งตัวขึ้น ทำให้ความต้องการในการซื้ออสังหาฯ มือสองลดลง ดังนั้นเราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของ BAM ในปี 2566/67 ลง 33.6%/21.7% ตามลำดับ โดยภายใต้ประมาณการใหม่เบื้องต้นเรายังคาดกำไรสุทธิใน 4Q66 จะลดลง YoY แต่ฟื้นตัวขึ้น QoQ เพราะเป็น High Season ของธุรกิจที่จะมีการเร่งเจรจาเพื่อปิดบัญชีหนี้ NPL และ ปิดการขาย NPA จำนวนมาก หนุนให้คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2566 ของ BAM จะอยู่ที่ 1,602 ลบ. ลดลง 41.2%YoY ก่อนจะพลิกโต 29.4%YoY ในปี 2567

ผลดำเนินงานที่ไม่สดใสยังกดดันราคาหุ้น คงคำแนะนำ “TRADING”

แม้ BAM จะมีการประมูลหนี้เสียเข้ามามากในช่วงที่ผ่านมา แต่ด้วยรูปแบบธุรกิจของ BAM ที่เน้นซื้อหนี้เสียแบบมีหลักประกัน ทำบริษัทต้องใช้เวลาราว 1-2 ปีในการเจรจาและดำเนินขั้นตอนทางกฎหมาย ก่อนที่จะเริ่มรับรู้รายได้ ขณะที่ NPL ขนาดใหญ่ในพอร์ตเริ่มมีจำนวนจำกัด และยังไม่มีพัฒนาการในการเจรจาอย่างชัดเจน ทำให้เรามองว่าการฟื้นตัวของกำไรสุทธิจะยังไม่สดใสภายใต้ภาวะดอกเบี้ยสูง ดังนั้นเราจึงมองว่าราคาหุ้นจะถูกกดดันต่อไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะเห็นพัฒนาการทางธุรกิจใหม่ๆ มาช่วยหนุนการเติบโตในระยะยาว ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 15.2% หลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานปี 2567 ที่ 10.20 บาท (ปรับลด Sustainable ROE ลง 2% เพื่อสะท้อนสภาพคล่องของตลาดที่ลดลง หลัง Bond Yield ไทยและสหรัฐฯ สูงขึ้น) เราจึงคงคำแนะนำ “TRADING”

- Advertisement -