บล.กรุงศรีฯ:

ELECTRICITY GENERATING (EGCO TB/ EGCO.BK)

EGCO – 3Q23F: จะเป็นอีกไตรมาสที่แข็งแกร่ง (UNRATED)

กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค
หุ้นEGCO
มูลค่าพื้นฐาน0.00
คำแนะนำ
  • What’s new

คาดว่ากําไรจากธุรกิจหลัก ใน 3Q23F จะอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 7%yoy และ 3% qoq

กำไรที่เพิ่มขึ้น yoy จะมาจากรายได้ equity income ที่สูงขึ้นเนื่องจาก i) Paju (โรงไฟฟ้าก๊าซในเกาหลีใต้) ได้ margin เพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ii) ไม่มีแผนปิดซ่อมบํารุง Linden (โรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ) และค่าความพร้อมจ่าย (AP) ของ BLCP (โรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศไทย) และ KN4 (โรงไฟฟ้าก๊าซในประเทศไทย) สูงขึ้นจากการที่เงินบาทอ่อนค่าลง ในขณะที่กําไรที่เพิ่มขึ้น qoq จะมาจาก i) ช่วง peak ตามฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังน้ําในลาว (XPCL,NT2 และ NT1) ii) ไม่มีแผนปิดซ่อมบํารุง Linden นอกจากนี้ เรายังคาดว่าบริษัทจะมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.1 พันล้านบาทใน 3Q23F (จากที่ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1.2 พันล้านบาทใน 2Q23 และ 3.4 พันล้านบาทใน 3Q22) ซึ่งจะทําให้กําไรสุทธิใน 3Q23 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท

  • Analysis

รายได้จะลดลง yoy จาก AP ที่ลดลงของ KN4 และค่าไฟฟ้าของ QPL ลดลง

เราคาดว่ารายได้ใน 3Q23F จะอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท (-23%yoy , -5%qoq) โดยรายได้ที่ลดลง yoy จะเป็นเพราะ i) ค่าพลังงงานไฟฟ้า (Energy payment) ของ IPPs ในประเทศไทยลดลง เนื่องจากต้นทุนก๊าซลดลง (การส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิง) ii) ค่าไฟฟ้าของ QPL ลดลงเล็กน้อย และอัตราการจ่ายไฟฟ้าลดลง ii) ค่า AP ของ KN4 ลดลง ส่วนรายได้ที่ลดลง qoq จะเป็นเพราะค่าพลังงานไฟฟ้าของ IPPs ที่ใช้ก๊าซในประเทศไทยลดลง

คาดว่านักวิเคราะห์ในตลาดจะพากันปรับเพิ่มประมาณการกําไรขึ้นอีก

ถ้าหากกําไรจากธุรกิจหลักใน 3Q23F เป็นไปตามที่เราคาดไว้ จะคิดเป็น 93% ของ Bloomberg consensus ซึ่งเราเชื่อว่าจะทําให้ประมาณการกําไรปี 2023F มี upside อีก 15-20% นอกจากนี้ EGCO ยังคาดว่าจะปิดดีล compass portfolio (โรงไฟฟ้าก๊าซสามแห่งในสหรัฐ กําลังการผลิตรวม 652 MWe) ใน 4Q23 ซึ่งจะช่วยหนุนกําไรจากธุรกิจหลักใน 4Q23

Action/ Recommendation

Bloomberg consensus ประเมินราคาเป้าหมายที่ 178.70 บาท

ราคาหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างถูกโดย ที่ระดับ 0.5x (P/BV-2 S.D.) ในปี 2023-2025F เราเชื่อว่า EGCO จะยังคงรักษาระดับการจ่ายเงินปันผลเอาไว้ที่6.50 บาทต่อปี เนื่องจากกําไรจากธุรกิจหลักตาม Bloomberg consensus ยังคงแข็งแกร่งในปี 2023-2025F (9.40-9.50 พันล้านบาท) คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 5.1% ท้ังน้ี ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2023 สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ 29.4% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019 อย่างไรก็ตาม หากเราไม่รวม TEPDIA generating B.V. ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท สัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติสุทธิจะอยู่ที่ 5.4% ซึ่งเราเช่ือว่าน่าจะสะท้อนถึงประเด็น ESG ที่เข้มงวดขึ้นจากการที่โรงไฟฟ้าถ่านหินของบริษัทมีสัดส่วนสูงไปเรียบร้อยแล้ว (กําไรจากโรงไฟฟ้าถ่านหินคิดเป็น 43% ของกําไรจากธุรกิจหลักในปี 2565)

 

- Advertisement -