บล.บัวหลวง:
Thaifoods Group (TFG TB / TFG.BK)
TFG – มองข้ามแนวโน้มครึ่งหลังปี 2566 ที่อ่อนแอและไปดูการฟื้นตัวที่จะกลับมาในช่วงครึ่งแรกปี 2567
เราแนะให้นักลงทุนมองข้ามผลประกอบการที่คาดว่าจะอ่อนแอในช่วงครึ่งหลังปี 2566 และหันไปดูการพลิกฟื้นกลับไปเป็นกำไรในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 แทน ซึ่งจะมีปัจจัยหนุนจากราคาปศุสัตว์ไทยที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวแรง (จากช่วงไฮซีซั่นของราคาเนื้อสัตว์บกไทย และผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ่ที่ยังครอบงำภาวะอากาศโดยรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2567) เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TFG
คาดไตรมาส 3/66 พลิกกลับ YoY และ QoQ ไปเป็นขาดทุนสุทธิ
เราคาดขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 365 ล้านบาท พลิกกลับ YoY และ QoQ จากกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 1.73 พันล้านบาท และกำไรสุทธิไตรมาส 2/66 ที่ 69 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษ ซึ่งได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ เราคาดขาดทุนหลักในไตรมาสนี้ที่ 295 ล้านบาท (เทียบกับกำไรหลักไตรมาส 3/65 ที่ 1.84 พันล้านบาท และกำไรหลักไตรมาส 2/66 ที่ 229 ล้านบาท) การคาดการณ์พลิกกลับไปเป็นขาดทุนหลัก YoY เนื่องจากยอดขายที่ปรับตัวลดลง (จากราคาไก่และราคาหมูที่ปรับตัวลดลงและวอลุ่มขายไก่ที่ลดลง) อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไก่และธุรกิจหมู่ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ผลประกอบการหลักที่แย่ลง QoQ เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวลดลง (จากราคาไก่และราคาหมูที่ลดลง) เราคาดยอดขายในไตรมาส 3/66 ที่ 1.38 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% YoY (จากยอดขายธุรกิจไก่และหมูที่ลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ (จากยอดขายของธุรกิจร้านค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง) อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้มีแนวโน้มลดลงอย่างมากเหลือ 5.1% จาก 21.2% ในไตรมาส 3/65 และ 9.5% ในไตรมาส 2/66
ราคาไก่และราคาหมูที่ลดลงมีแนวโน้มกดดันอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/66
สำหรับธุรกิจไก่ เราคาดวอลุ่มขายในไตรมาส 3/66 ที่ 6 หมื่นตัน ลดลง 14% YOY แต่เพิ่มขึ้น 10% QoQ และราคาขายไก่เฉลี่ยของ TFG ในไตรมาส 3/66 ที่ 54.8 บาท/กก. ลดลง 17% YoY และ 8% QoQ สำหรับธุรกิจหมู เราคาดวอลุ่มขายในไตรมาส 3/66 ที่ 2.75 หมื่นต้น เพิ่มขึ้น 13% YoY และ 1% QoQ และราคาขายหมูเฉลี่ยของ TFG ในไตรมาส 3/66 ที่ 60 บาท/กก. ลดลง 43% YoY และ 14% Q0Q สำหรับธุรกิจอาหารสัตว์ เราคาดวอลุ่มขายในไตรมาส 3/66 ที่ 1.4 แสนตัน ลดลง 6% YoY และทรงตัว QoQ และราคาขายเฉลี่ยของอาหารสัตว์ที่ 17,500 บาท/ตัน เพิ่มขึ้น 7% YoY และ 2% QoQ สำหรับยอดขายอื่นๆ ในไตรมาสนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 86% YoY และ 9% QoQ โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดตัวร้านค้าปลีกของ TFG ที่เพิ่มขึ้น (320 สาขา ณ สิ้นเดือน ก.ย. 2566 เพิ่มขึ้นจาก 178 แห่ง ณ สิ้นเดือนก.ย. 2565 และ 287 แห่ง ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2566) เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจไก่ในไตรมาส 3/66 ที่ 9.5% ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากจาก 26.1% ในไตรมาส 3/65 และ อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจหมูในไตรมาส 3/66 ที่ -20% พลิกกลับจาก 34.5% ในไตรมาส 3/65
มองข้ามขาดทุนในครึ่งหลังของปี 2566 ไปยังการฟื้นตัวที่คาดว่าจะกลับมาแรงในช่วงครึ่งแรกของปี 2567
เราคาดวอลุ่มส่งออกไก่สดแช่แข็งในไตรมาส 3/66 ที่ 1.35 หมื่นตัน ลดลง 3% YoY และ 17% QoQ เนื่องจากวอลุ่มส่งออกไปยังลูกค้ายุโรปที่ลดลงอย่างมาก แต่ราคาส่งออกสำหรับไก่สดแช่แข็งเฉลี่ยในไตรมาส 3/66 มีแนวโน้มทรงตัว QoQ (ที่ระดับ 3,050 เหรียญ/ตัน) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนที่ปรับตัวสูงขึ้น (ซึ่งมีแนวโน้มกลบผลกระทบของราคาส่งออกไปยังยุโรปที่ปรับตัวลดลง)
ราคาหมูมีชีวิตในตลาดกทม. กลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น 13% จากราคาต่ำสุดครั้งล่าสุดที่ 59.5 บาท/กก. (9-23 ต.ค.) ไปอยู่ที่ 67.5 บาท/กก. (31 ต.ค.-2 พ.ย.) ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตในตลาดกทม. เริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน 3% จาก 35.5/กก. (4-29 ต.ค.) ไปอยู่ที่ 36.5 บาท/กก. (30 ต.ค.-2 พ.ย.) เราคาดว่าราคาปศุสัตว์ไทยมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะส่งผลให้ผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มีแนวโน้มพลิกกลับไปเป็นกำไรได้อีกครั้ง และเนื่องจากผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ที่มีแนวโน้มพลิกกลับไปเป็นขาดทุนสุทธิ เราจึงทำการปรับลดประมาณการผลประกอบการบรรทัดสุดท้ายของปี 2566 ลงจากเดิม โดยปรับไปเป็นขาดทุนสุทธิ 131 ล้านบาท (จากก่อนหน้าที่เราคาดเป็นกำไรสุทธิ 689 ล้านบาท) เราปรับเปลี่ยนไปใช้เป็นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 แทน (จากเดิม ณ สิ้นปี 2566) และโดยราคาเป้าหมายใหม่ของ TFG ที่ 4.80 บาท