บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Sermsang Power (SSP) ราคาหุ้นสะท้อนกำไร 3Q66 ไปแล้ว…เป็นจังหวะสะสม
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +59.5%
- Close Nov 2, 2023 Price (THB) 6.05
- 12M Target (THB) 9.65
- Previous Target (THB) 9.65
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 204 ล้านบาท ลดลง YoY จากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และลดลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาลของโครงการแสงอาทิตย์ในไทยและโครงการลมในประเทศ รวมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่สูงขึ้น QoQ
- เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 250 ล้านบาท +/- กลับมาเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลง YoY และปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในไทยและเวียดนาม
Our view
- หากมองไปปี 2567 คาดกำไรปกติมีโอกาสโต YoY ได้ทุกไตรมาสจากการจ่ายคืนหุ้นกู้ 600 ล้านบาทในเดือน ม.ค. 2567 และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน วินชัยจาก 25% เป็น 100%
- คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 9.65 บาท/หุ้น โดยเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง -15% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนปัจจัยลบจากแนวโน้มกำไร 3Q66 ที่ไม่เด่น และ Bond Yield ที่อยู่ระดับสูงไปมากแล้ว คาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว จากการเซ็นสัญญา PPA ของโครงการรอบ 5.2GW
3Q66 เป็นจุดต่ำสุดของปีจากปัจจัยฤดูกาล
คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 204 ล้านบาท (-9% QoQ, -21% YoY) ลดลง YoY แม้รายได้รวมเติบโตราว +7% YoY (ผลจากรายได้ของโครงการลมในเวียดนามที่สูงขึ้น) หลังถูกกดดันจากต้นทุนทางการเงินที่คาดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 170 ล้านบาท (+6% QoQ, +44% YoY) หลังมีการเบิกเงินกู้ของโครงการลมในเวียดนาม (ตั้งแต่ช่วง 4Q65) ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติถูกกดดันจาก 1) ปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในไทยส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 58.0% จาก 58.6% ใน 2Q66 (โครงการแสงอาทิตย์ในไทยเป็นรูปแบบ Adder ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง) 2) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล 3) คาดค่าใช้จ่าย SG&A ที่ 68 ล้านบาท (+4% QoQ, +5% YoY) หลังมีการเข้าลงทุนในบริษัท สามารถ พลาสแพค ในเดือน ก.ค. 2566 และ 4) ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น QoQ หากกำไรปกติ 3Q66 ออกมาใกล้เคียงคาด กำไรปกติ 9M66 จะคิดเป็นสัดส่วน 71% ของกำไรทั้งปี
กำไรปกติจะกลับมาเติบโต YoY และ QoQ อีกครั้งใน 4Q66
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 ที่ระดับ 250 ล้านบาท +/- สามารถกลับมาเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ โดยการเติบโต YoY จะได้แรงหนุนจาก 1) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลง YoY มาอยู่ที่ระดับ 60-70 ล้านบาท หลังไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการยื่นเสนอขายไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 5.2GW และ 2) ต้นทุนทางการเงินที่มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ที่ระดับ 170 ล้านบาท +/- หลังมีการปรับรูปแบบดอกเบี้ยของโครงการลมในเวียดนามเป็นแบบคงตัวตั้งแต่ช่วง 1Q66 ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติเติบโต เพราะรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเด่น QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในไทยและเวียดนาม และหากมองไปปี 2567 คาดกำไรปกติมีโอกาสเติบโต YoY ทุกไตรมาส จากจ่ายคืนหุ้นกู้จำนวน 600 ล้านบาท ในเดือนม.ค. 2567 (ลดต้นทุนทางการเงินได้ราว 28 ล้านบาท/ปี) และการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในวินชัย (โครงการลมในไทยขนาด 45MW) จาก 25% เป็น 100% (อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากการประชุมผู้ถือหุ้นของ NOVA ในเดือน ธ.ค. และยังไม่รวมในประมาณการ)
ราคาหุ้นอยู่ในโซนต่ำ….เป็นจังหวะสะสม
คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 9.65 บาท/หุ้น มี Upside +59.5% เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลง 15%ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนแนวโน้มกำไรปกติ 3Q66 ที่อ่อนแอ รวมถึง Bond Yield ของไทยและสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูงไปมากแล้ว โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 เพียง 8.4 เท่า (มีโอกาสลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7.0 เท่า หากรวมการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในวินชัยไว้ในประมาณการ) จึงมองว่ามี Downside จำกัดแล้ว นอกจากนี้คาดหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวในระยะกลาง-ยาว จากการลงนามในสัญญา PPA ของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบ 5.2GW (บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกจำนวน 170.5MW) นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศเพิ่มเติม โดยคาดมีความชัดเจนภายในสิ้นปีนี้เป็นอย่างเร็ว คงคำแนะนำ “ซื้อ