บล.ฟิลลิป:
ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล – FTI ธุรกิจกลับมาฟื้นตัว
Key Point
คาดกำไรใน 2H66 ยังเติบโต y-y จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โควิดดีขึ้นและเปิดร้านตัวแทนขายปีนี้ที่ 10-11 แห่ง ทำให้ยอดขายโตขึ้น ได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนอีก 3 แห่ง จะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มรายได้จากสินค้าใหม่ และในปี
2567 ยังคงเพิ่มร้านตัวแทนจำหน่ายต่อเนื่องจาก 36-37 แห่ง เป็น 74 แห่ง คาดกำไรในปี 2566 +60% เป็น 58 ล้านบาท และปี 2567 +35.8% ราคาพื้นฐานปี 2567 อยู่ที่ 2.60 บาท อิง P/E ที่ 15 เท่า แนะนำ “ซื้อ”
1H66 กำไรสุทธิกลับมา +43.7% y-y
การดำเนินงานของ FTI กลับมาได้เป็นปกติ หลังจากที่เข้าจดทะเบียนใน พ.ค. 2565 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 เศรษฐกิจซะลอตัว และค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ในปี 2565 กำไรทรงตัว y-y แต่ภาพใน 1H66 ธุรกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายดีขึ้น เศรษฐกิจกลับมาขยายตัว รวมถึงการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในชื่อร้านค้า Aquatek เพื่อจำหน่ายเฉพาะสินค้าเครื่องกรองน้ำในระดับ Middle – Premium โดยจะเน้นการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มครัวเรือนเป็นหลัก และเป็นการจำหน่ายปลีกให้แก่ผู้บริโภค (B2C) เปิดเพิ่มจาก 4 แห่งในปีก่อน เป็น 8 แห่งในปัจจุบัน และร้าน Water Store ซึ่งเป็นร้านตัวแทนจำหน่าสินค้าระบบน้ำจาก FTI ทั้งร้าน โดยไม่มีสินค้าจากผู้ผลิตรายอื่น แต่จะเน้นการขายขายส่ง เปิดร้านเพิ่มขึ้น 1 แห่ง เป็น 22 แห่ง ทำให้ 1H66 รายได้เติบโต 11.8% y-y เป็น 400 ล้านบาท ต้นทุน +13.8% เป็นไปตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น บวกกับเงินบาทที่อ่อนค่า วัตถุดิบและอุปกรณ์หลักเป็นการนำเข้าเพื่อมาประกอบเป็นเครื่องกรองน้ำ SG&A-2% จากค่าใข้จ่าย IPO ที่หายไปเมื่อเทียบกับปีก่อน อีกทั้งมีกำไรจากการวัดมูลค่าตราสารอนุพันธ์ที่ 4.6 ล้านบาท จากการซื้อ Forward ค่าเงินไว้ จึงมีกำไรสุทธิที่ 30 ล้านบาท +43.7% y-y
ตั้งบริษัทย่อย 3 แห่ง เพื่อป้อนอุปกรณ์ในการผลิต และอยู่ระหว่างศึกษาการก่อสร้างโรงงาน
ได้ประกาศจัดตั้งบริษัทย่อย 3 แห่ง โดยถือหุ้นบริษัทละ 51% กับผู้ร่วมทุนจีน ได้แก่ 1. ฟังก์ชัน ลิวเด็นเทคโนโลยี เพื่อผลิตและประกอบไส้กรองระบบกรองน้ำ 2. ฟังก์ชั่น รุ่นหยาง อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อผลิตและประกอบหม้อแปลง (Transformer) สำหรับระบบกรองน้ำ และ 3. ฟังก์ชั่น นิงโบ เอซบูม มอเตอร์เพื่อผลิตและประกอบอุปกรณ์ Booster pump สำหรับระบบกรองน้ำ โดยบริษัทย่อยจะมีการผลิตเพื่อขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในช่วงแรกจะเป็นการผลิตเพื่อป้อนให้กับ FTI ก่อน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งค่าใช้จ่ายในการนำเข้า และลดผลกระทบเรื่องค่าเงิน และได้จัดตั้งบริษัทย่อยอีก 1 แห่ง ซึ่งได้เข้าซื้อที่ดินราว 40 ไร่ มูลค่า 156 ล้านบาท โดยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ระบบกรองน้ำ รวมถึงนำพื้นที่เหลือใช้งานไปประกอบการ ธุรกิจเช่าโรงงานในอนาคต และจัดทำพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) โดยจะร่วมลงทุนกับผู้ร่วมทุน จี่นใน 3 บริษัทข้างต้น เพื่อผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ระบบกรองน้ำเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นผลจากการกีดกันการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯและยุโรป ทำให้ผู้ร่วมทุนจีนต้องมีแหล่งผลิตชิ้นส่วนนอกประเทศจีน ซึ่งต้องติดตามว่าแผนการศึกษาจะออกมาในรูปแบบใดและมูลค่าการลงทุนเท่าไหร่ รวมถึงแหล่งที่มาของเงินลงทุน
3Q66 คาดกำไรยังเติบโต y-y 4Q66 จะเปิดร้าน Aquatek เพิ่ม ทำให้กำไรทั้งปีเติบโต
3Q66 คาดรายได้ยังคงเติบโต 15% y-y เป็น 196 ล้านบาท จากร้านค้าที่เปิดใน 1H66 และเศรษฐกิจยังคงมีการขยายตัว ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 28% จาก 27.7% จากการบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ รวมถึงการซื้อ Forward ค่าเงินไว้ อีกทั้ง SG&A คาดยังมีทิศทางลดลงจากปีก่อน แม้จะสูงขึ้นเล็กน้อย 0-Q คาดกำไร 3Q66 โต 94.6% เป็น 12.7 ล้านบาท และใน 4Q66 จะมีการเปิดร้าน Aquatek อีก 4-5 แห่ง และร้าน Water Store 1 แห่ง จะเข้ามาช่วยหนุนรายได้ให้โตขึ้น แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายจากการเปิดร้านใหม่ รวมถึงการเปิดโชว์รูมและคลังสินค้าที่สำนักงานใหญ่ จึงคาดว่าในปีนี้ FTI จะมีรายได้ที่ 811 ล้านบาท +16.3% และกำไรสุทธิที่ 58 ล้านบาท +60% y-y
ปี 2567 คาดกำไรจะเติบโตจากการเพิ่มร้านตัวแทนขาย และสินค้าใหม่จากบริษัทย่อย ราคาพื้นฐานที่ 2.60 บาท อิง PIE 15 เท่า แนะนำ “ซื้อ”
จากจีดีพีของประเทศที่ยังคงเติบโต ซึ่งจากของมูลของ ธปท. คาดจีดีพีปี 2567 โต 4.4% เมื่อเทียบกับ ปี 2566 ที่คาดไว้ 2.8% ทำให้ธุรกิจลูกค้ามีการลงทุนและจะส่งผลบวกต่อการขายของบริษัท อีกทั้งมีแผนจะเปิดร้านตัวแทนขายเพิ่มขึ้นโดยร้าน Aquatek ตามแผนจะเปิดเป็น 50 แห่ง จากปี 2566 สิ้นปีที่ 12-13 แห่ง และร้านที่เปิดระหว่างปี 2566 จะรับรู้รายได้เติบปี แนวโน้มยอดขายจะเติบโตต่อเนื่องรวมถึงสินค้าใหม่ ๆ จากบริษัทย่อยที่ร่วมทุนกับนักลงทุนจีน รวมถึงโครงการลดต้นทุนและการติดตั้ง Solar Roof คาดรายได้โต 21.9% เป็น 987 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 29.5% จาก ปี 2566 ที่คาดไว้ 27.8% ทำให้กำไรสุทธิ +35.8% y-y เป็น 78 ล้านบาท +35.8% y-y ทางฝ่ายให้ P/E เหมาะสมที่ 15 เท่า ราคาพื้นฐานอยู่ที่ 2.60 บาท แนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง
- อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- สินค้าคงเหลือในปริมาณสูง
- ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน