บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):

Banpu Power (BPP.BK/BPP TB)*

ประมาณการ 3Q66F: กำไรหลักจะทำสถิติสูงสุดใหม่

Event

ประมารการ 3Q66F และ ปรับเพิ่มกำไรเต็มปี

Impact

ประมาณการ 3Q66F – กำไรจะเพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY

วันที่ 10 พ.ย. เราคาดว่า SCCC จะมีกำไรสุทธิใน 3Q66F เพิ่มเป็น 2.4 พันล้านบาท (+82% QoQ, +5% YoY) จากกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นของโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ แต่หากไม่รวมผลขาดทุนสุทธิจากตราสารอนุพันธ์ กำไรหลักจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.3 พันล้านบาท (+190% QoQ, +170% YoY) ทำให้กำไรจากธุรกิจหลักในงวด 9M66F อยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท (+129% YoY) คิดเป็น 140% ของกำไรปี 2566F ของเรา

ผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักน่าพอใจ

กำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้ง QoQ และ YoY จะมาจาก 1) อานิสงส์ของคลื่นความร้อน (Heatwave) ที่เกิดขึ้นทั้งตอนใต้ของสหรัฐ ซึ่งทำให้อัตราค่าไฟฟ้า และปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ii) เริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานของ Temple II (378MWe ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคม) และ iii) ผลการดำเนินงานดีขึ้นทั้งของ CHPs (ต้นทุนถ่านหินลดลง) และ SLG (ไม่มีการปิดซ่อมบำรุง และอัตราการเดินเครื่องสูงขึ้น) แม้ว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงตามแผนของโครงการหงสา (Unit1 – 44 วัน), SG&A พุ่งสูงขึ้นจากการขยายธุรกิจไปสู่การขายไฟฟ้าให้ลูกค้ารายย่อย, และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น ทั้งนี้ โครงการ Nakoso ยังคงอยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุงรอบใหญ่นาน 1 ปี ในขณะที่ Banpu NEXT อาจจะมีผลขาดทุนลดลงจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจการค้าพลังงาน และธุรกิจแบตเตอรี่

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2566F ขึ้นอีก 69%

เราปรับเพิ่มกำไรเต็มปีสะท้อนถึงรายการพิเศษ 9M66F และกำไรที่ดีเกินคาดของทั้ง Temple I&II หลังจากที่ได้ปัจจัยสนับสนุนจากคลื่นความร้อนในสหรัฐ (ตั้งแต่ ก.ค.) เราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2566F ของ BPP จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6.4 พันล้านบาท (+12% YoY) เนื่องจากอานิสงส์ของคลื่นความร้อนในสหรัฐ และการเข้าซื้อ Temple II อย่างไรก็ตาม เราใช้สมมติฐานว่าจะไม่เกิดคลื่นความร้อนในปี 2567F ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิลดลง 35% YoY จากการที่กลับมาดำเนินการตามปกติ, รับรู้ผลการดำเนินงานของ Temple II เต็มปี, ผลการดำเนินงานที่จีนแข็งแกร่งขึ้น และกลับมาเปิดดำเนินงานที่ Nakoso

คาดว่ากำไรใน 4Q66F จะลดลงอย่างมาก QoQ

เราคาดว่ากำไรหลัก 4Q66F จะลดลง QoQ เพราะผลขาดทุนจากการปิดซ่อมบำรุงของ Temple I (10 วัน) และ Temple II (23 วัน), การปิดซ่อมบำรุงตามแผนที่นานขึ้นของโครงการหงสา (Unit 2&3), SG&A สูงขึ้นตามฤดูกาล, และต้นทุนดอกเบี้ยสูงขึ้น แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งทำให้กำไร CHPs และ SLG ดีขึ้น

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 15.90 บาท (เดิม 15.50 บาท) เรามองว่าราคาหุ้น อาจได้แรงกระตุ้นจากผลประกอบการที่ดีเกินคาดใน 3Q66F และการที่ตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรขึ้นอีก ซึ่งเรามองว่าเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น สำหรับแนวโน้มในระยะยาว เรามองว่าหุ้น BPP น่าจะ outperform ได้ยาก เพราะ ROE มีแนวโน้มจะต่ำ ท่ามกลางกระแส ESG ที่เร่งตัวขึ้น

Risks

การปิดโรงงานนอกแผน, ปัญหา cost overrun, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย

 

 

- Advertisement -