บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Global Power Synergy (GPSC)
3Q66 ดีกว่าคาด ที่ผ่านมาตลาดกังวลมากเกินไป
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +31.8%
- Close Nov 6, 2023 Price 43.25
- 12M Target 57.00
Earnings Results
- ประกาศกำไรสุทธิ 3Q66 ทำได้ 1.8 พันล้านบาท สูงกว่าที่เรา และ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ระดับ 1.5 พันล้านบาทราว 16-22% สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ทำได้ 17.6% เทียบกับที่ประเมินไว้ 11.3%
- ภาพรวม 3Q66 นับเป็นไตรมาสที่แข็งแกร่ง กำไรสุทธิทำระดับสูงสุดรอบ 7 ไตรมาส เต็บโตสูง +479% QoQ และ +441% YoY สาระสำคัญดังนี้ เมื่อเทียบกับ 3Q65 แม้ว่าปริมาณขายไอน้ำให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมจะลดลง -18% YoY จากแผนปิดซ่อมบำรุงของลูกค้าและส่วนแบ่งกำไรปรับตัวลง -27% YoY เนื่องจากปี 2565 ปริมาณน้ำในเขือนไซยะบุรีสูงกว่าปกติ และรับรู้ขาดทุนของ CFXD จากค่าเสื่อมราคาช่วงทดสอบการเดินเครื่องอย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเติบโตสูง YOY หนุนจาก 1) อัตรากำไรของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ฟื้นตัว หลังค่า Ft สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงมากขึ้น และการปรับตัวลงของราคาเชื้อเพลิง 2) ค่าความพร้อมจ่ายของโรงไฟฟ้า IPP สูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากโรงไฟฟ้า Gheco-One หยุดซ่อมบำรุงน้อยลง
- ส่วนเมื่อเทียบกับ 2Q66 กeไรสุทธิเติบโตสูง QoQ หนุนจาก 1) การฟื้นตัวของธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP จากปริมาณขายไอน้ำ – ไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 3-6% QoQ กอปรกับ Margin ปรับตัวดีขึ้นจากการปรับตัวลงของต้นทุนเชื้อเพลิง (ราคาก๊าซธรรมชาติและราคาถ่านหินลดลง 24-28% QoQ) 2) การกลับมาผลิตไฟฟ้าตามปกติของโรงไฟฟ้า Glow Energy Phase 5 (หยุดซ่อมใน 2Q66) 3) ไม่มีรายการปรับปรุงต้นทุนถ่านหินของโรงไฟฟ้า Gheco-One กว่า 3 ร้อยล้านบาทใน 2Q66 4) เงินปันผลรับของ RPCL จำนวน 105 ล้านบาท 5) ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 496 ล้านบาท +184% QoQ โดยแม้ว่าโรงไฟฟ้า CFXD และ Avaada จะอ่อนแอลงเพราะเป็นช่วงทดสอบระบบ และเป็น Low Season ของโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในอินเดีย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยลบสามารถชดเชยได้ด้วยผลประกอบการของโรงไฟฟ้าไชยะบุรีที่พลิกเป็นบวกตามปริมาณน้ำในเขื่อนที่สูงขึ้น
Our Take
- แนวโน้ม 4Q66 ชะลอตัว QoQ จากปริมาณขายลดลงตามฤดูกาล – แผนซ่อมบำรุงของลูกค้า IU, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล, ผลกระทบนโยบายค่าไฟ 3.99 บาท/หน่วย เต็มไตรมาส ทั้งนี้ 1) มาตรการลดค่าไฟฟ้าจะกระทบเฉพาะการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้า IU (สัดส่วนเพียง 20-25% ของรายได้รวม) 2) ค่าไฟดังกล่าว บริษัทฯ ยังมีกำไร 0.4-0.5 บาท/หน่วย 3) การขยายกำลังผลิต – เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้ส่งผลให้ประเมินว่า 4Q66 จะยังเติบโต YoY เบื้องต้นคาดกำไรระดับ 6-8 ร้อยล้านบาท
- กำไรสุทธิ 9M66 คิดเป็น 89% ของคาดการณ์ทั้งปี ทำให้ประมาณการปี 2566 ที่ 3.6 พันล้านบาท ยังไม่มี Downside
- ราคาหุ้นฟื้นตัว +12% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER ปี 2567 ที่ 16.9 เท่า (-1.2 SD) และ PBV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า (-1.3 SD) ใกล้เคียงจุดต่ำสุดปี 2558 – 2559 ที่ซื้อขายบน PER ระดับ 12 เท่า และ PBV 0.9 เท่า ทั้งนี้ช่วงดังกล่าวบริษัทฯ มีกำไรเพียง 2-3 พันล้านบาท เทียบกับคาดการณ์กำไรปี 2566 – 2567 ที่ 3.6 – 5.3 พันล้านบาท ดังนั้นถือว่า Valuation ยังไม่แพง
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” คาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวกจากงบ 3Q66 ที่แข็งแกร่งกว่าคาด และ Catalyst บวกจากการอ่อนตัวลงของ Bond Yield (Bond Yield ไทยอายุ 10 ปี ทำจุดสูงสุดของรอบนี้ที่ 3.35% เมื่อวันที่ 26 ก.ย. VS ปัจจุบันอยู่ที่ 3.18%)