พยายามยืนเหนือ 1400 / 1,400-1,415

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัวออกด้านข้าง: โดยถูกกดดันในเชิง Sentiment หลังเจ้าที่หน้าเฟดเผยมุมมองในเชิง Hawkish โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ และนางมิเซล โบว์แมน ซึ่งเป็นสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดได้แสดงความเห็นในทางเดียวกันว่า GDP ของสหรัฐฯ ที่ขยายตัว 4.9% ใน 3Q66 บ่งชี้ว่าศก.ยังคงมีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งอาจทำให้เฟดพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่นายนีล แคชแครี ปธ.เฟดมินนีแอโพลิสเผยเฟดต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการควบคุมเงินเฟ้อ ให้ลดลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% และยังเร็วเกินไปที่เฟดจะประกาศชัยชนะ ด้าน Dollar Index ขานรับมุมมองดังกล่าว โดยดีดตัวขึ้นทดสอบระดับ 105.8 จุด คาดเป็นแรงกดดันต่อ Fund Flow ที่ทางหลักยังคงเดินหน้าขายสุทธิ โดยเดือนนี้ขายสุทธิ 4 ใน 5 วันทำการ และขายสุทธิ MTD ที่ 2.38 พันลบ.อีกทั้ง นักลงทุนมีแนวโน้มระมัดระวังในการซื้อขาย ก่อนที่นายเจอโรมพาวเวลปธ.เฟดจะแถลงสุนทรพจน์ในคืนนี้ ในการประชุมวาระครบรอบ 100 ปี ของการก่อตั้งแผนกสถิติและวิจัยของเฟด นอกจากนี้ SET Index มีแนวโน้มถูกกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 4.3% ปิดที่ $77.37 ต่อบาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ล้านบาร์เรล/วัน เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศของกลุ่มตะวันออกกลางชะลอตัวลง กอปรกับมี่การคาดการณ์ว่าโรงกลั่นน้ำมันของจีนจะลดปริมาณการกลั่นน้ำมันดิบในช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยจำกัดอุปสงค์น้ำมัน ด้านแรงหนุนของ SET Index คาดมาจาก 1) การท่องเที่ยวไทยที่กำลังเข้าสู่ High Season สอดรับกับสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10.26% W-W และ 2) การนำเข้าเดือนต.ค.ของจีนที่พลิกมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 11 เดือน ซึ่งจะเป็น Sentiment ทางบวกต่อหุ้นที่มีการส่งออกไปจีน รวมถึงสินค้าที่ราคามีการอ้างอิงกับอุปสงค์ของจีน
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: AOT,BA, BAFS, CENTEL, CPN, DOHOME, ERW, MTC 2) นำเข้าของจีนพลิกมาขยายตัว: IML, PITGC, STA 3) งบ 3Q66: AMATA, BH, BCH, SAPPE 4) Anti-com.: SCC, SCGP, TASCO และ 5) SET50: ITC, JMT

ปัจจัยบวก

  • สรท.มันใจยอดส่งออกปี 66 จะหดตัวไม่มาก หลังแนวโน้มการส่งออกกลับมาเป็นบวก 2 เดือนต่อเนื่อง และจากการสอบถามผู้ส่งออกทำให้ทราบว่ามีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปีนี้ (ต.ค.-ธ.ค.) โดยมั่นใจว่าคงไม่ติดลบไปมากน่าจะอยู่แค่ -1% ไม่เกิน -1.5%
  • กองศก.การท่องเที่ยวและกีฬาเผยประเทศไทยมีจำนวนนทท.ต่างชาติสะสมตั้งแต่ 1 ม.ค.- 5 พ.ย. 66 จำนวน 22.62 ล้านคนสร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนทท.ต่างชาติแล้ว 9.54 แสนลบ.
  • IMF ปรับเพิ่ม GDP ของจีนสำหรับปี 66 สู่ระดับ 5.4% จากที่เคยคาดไว้ในเดือนต.ค.ที่ 5% โดยได้แรงหนุนจากตัวเลขศก.ที่ขยายตัว ดีกว่าคาดใน 3Q66 และการประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเมื่อไม่นานมานี้ของจีน

ปัจจัยลบ

  • เยอรมนีเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย. ปรับตัวลง 1.4% m-m ซึ่งเป็นการลดลงที่มากกว่าตลาดคาดและเดือนส.ค.ที่ลดลง 0.1% m-m เนื่องจากยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวลดลงเมื่อเร็วๆ นี้ส่งผลกระทบต่อการผลิต
  • ธนาคารกลางออสเตรเลีย มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 4.35% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี หลังจากที่คงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นเวลา 4 เดือน
  • API เผยน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 3 พ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 11.9 ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่ตลาดค่าดคาดการณ์ว่าจะ ปรับตัวลดลง 0.3 ล้านบาร์เรล

PICKS OF THE DAY

CENTEL BUY

  • เป้าหมาย 47.50 / 48.00 แนวรับ 45.00
  • ตัวเลขนักท่องเที่ยวฟื้นตัว : ททท.เผย จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 51,882 คน หรือคิดเป็น 10.26% โดยสัดส่วนหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และ จีน ทำให้นักท่องเที่ยวสะสมนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 5 พ.ย. รวม 22.62 ล้านคน ขยายตัว 203% y-y สร้าง Sentiment บวกให้กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม
  • ลุ้นเข้าคำนวณ MSCI : คาด CENTEL เป็นหุ้นที่คาดว่าจะติดโผเข้า คำนวณ ในดัชนี MSCI ที่จะมีการทำการ Rebalance ในวันที่ 14 พ.ย. คาดจะเห็นแรงเข้าซื้อจากกองทุน เพื่อให้ล้อตามดัชนีดังกล่าว

PTTGC BUY

  • เป้าหมาย 39.00 / 40.00 แนวรับ 35.00 / 36.00
  • Sentiment บวกจากจีน : ธุรกิจปิโตรเคมีเริ่มมีปัจจัยบวกจากจีน เนื่องจากตัวเลขการนำเข้าเดือนต.ค. ที่กลับมาเป็นบวกในรอบ 11 เดือน สะท้อนการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนในช่วงก่อนหน้าเริ่มเห็นผล ถือเป็น sentiment บวกหนุนการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในช่วงที่เหลือของปี
  • คาด 3Q66 พลิกกำไร และปัจจุบัน P/BV ต่ำ : คาด 3Q66 กลับมามีกำไรตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวขึ้นสูง รวมถึงกำไรจากสต๊อกน้ำมันตามราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ P/BV 0.58x (-1.3 SD เทียบค่าเฉลี่ย 5 ปี) ทางฝ่ายมองว่าความเสี่ยงที่ราคาปรับตัวลงจำกัดแล้ว รวมถึงอาจมี upside จาก sentiment บวกจากจีนข้างต้น
- Advertisement -