PIMO-ไพโม่ เผยไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 21.54 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกวาดไป 54.26 ล้านบาท
PIMO-ไพโม่ เผยไตรมาส 3/66 มีกำไรสุทธิ 21.54 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือนกวาดไป 54.26 ล้านบาท พร้อมติดตามสถานการณ์ราคาวัตถุดิบ พยายามบริหารจัดการสินค้าคงคลังและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ไฉไลเตะตาลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO-ไพโม่ ผู้ประกอบธุรกิจหลักผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump,Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่าผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 232.47 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 21.54 ล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2566 มีรายได้อยู่ที่ 748.27 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 54.26 ล้านบาท โดยในไตรมาสดังกล่าวมีวัตถุดิบบางรายการปรับราคาลดลง ทำให้อัตราส่วนต้นทุนขายต่อรายได้ปรับตัวดีขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ติดตามสถานการณ์ของการปรับราคาวัตถุดิบอยู่ตลอดเวลาและพยายามบริหารจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อกักตุนสินค้า ลดภาระราคาวัตถุดิบที่ผันผวนตามช่วงเวลาและการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้ลูกค้าสนใจในสินค้าของบริษัทฯ มากขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทําให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากประชาชนใช้ชีวิตและทำงานอยู่ที่บ้าน จึงนำเงินมาปรับปรุงสระว่ายน้ำในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เมื่อการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 คลี่คลายลงประชาชนจึงลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้และออกไปใช้ชีวิตตามปกติ ดังนั้นบริษัทฯ จึงคาดว่ายอดขายส่งออกจะฟื้นตัวขึ้นมาได้บ้างในไตรมาส 4/2566 ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในอนาคต
“ผลประกอบการในไตรมาส 3/2566 หากเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาดีขึ้น แต่ก็ยังคงมีปัจจัยหลักที่เกิดจากลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีความต้องการลดลง ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศออสเตรเลีย เพราะ 1.อัตราเงินเฟ้อสูงในสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย 2.อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้อ่อนแอลงและ 3.การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และบริษัทฯ ยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเช่นกัน” นายวสันต์ กล่าวในที่สุด