บล.บัวหลวง:

SNNP – สารสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

การประชุมนักวิเคราะห์บ่ายวันนี้ โดยรวมออกมาเป็นกลาง แบบมีของให้ลุ้น (คล้ายที่เคยจัด VC ไป) ส่วนใหญ่เป็นการตอกย้ำ ความเป็นไปได้ภาพการเติบโตแบบก้าวกระโดดใน 4Q23 ที่เป็น High season และแนวโน้ม GM ที่อย่างน้อยรักษาระดับสูงได้ เพื่อมีความคาดหวังต่อการกลับมาเป็นหุ้นเติบโตเด่นอีกครั้ง ทั้งนี้ ระยะถัดไป อาจเห็นการ Fine-tune ตัวเลขประมาณการรายได้ลง แต่ GM ขึ้น สุดท้าย Offset กันเอง ใกล้เคียงกับที่เราและตลาดคาดปี 2023 ปัจจุบันราว 664 และ 663 ล้านบาท ตามลำดับ (ไม่น่าเปลี่ยนมาก ไม่ต้องตกกะใจ)

Highlights:

  • Recap. ตัวเลขสำคัญใน 3Q23: 1) ยอดขายในประเทศ 1.1 พันล้านบาท ทรงตัว YoY ลดลง 3% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล, 2) ยอดขายต่างประเทศที่ 409 ล้านบาท เป็นเวียดนาม 44% หรือ 181 ล้านบาท และเติบโต 7% YoY, 10% QoQ และ 3) ยอดขาย Snack (GM สูง) อยู่ที่ 834 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 56% เพิ่มจาก 52% ใน 2Q23
  • แนวโน้ม 4Q23 ยังมองภาพการเติบโตก้าวกระโดด โดยเฉพาะเวียดนามที่จะเติบโต 20% YoY, 65% QoQ เป็นราวๆ 300 ล้านบาท และหากไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติ มีลุ้นมากกว่าเป้าหมายล่าสุดอีกราวๆ 50-80 ล้านบาท (ตามเป้าหมายภายใน)
  • ความน่าสนใจของเวียดนาม คือ 1) สายการผลิตเบนโตะพร้อมกว่า 3Q23 (COD ก.ค.) และมีออเดอร์ไหลมากองใน 4Q23 2) เริ่มออกสินค้าขนาดใหม่ (ประมาณ 5 บาท ที่น่าจะตอบโจทย์ตลาด) กระจายตัวไปตามเครือข่ายที่วางเพิ่มไว้
  • อัตรากำไรขั้นต้น (GM) แนวโน้ม 4Q23 ยังมีโอกาสสูงขึ้นได้อีก (คาดหวังราวๆ 30%) หรืออย่างน้อยๆ ยืนระดับใกล้เคียง 3Q23 หรือราวๆ 28.8% ได้ (เพราะตอนนี้ไม่ได้มีต้นทุนอะไรเพิ่ม แต่ Run การผลิตเพิ่ม)
  • ก้าวถัดไป ตลาดที่มีโอกาสไปลุยต่อ ได้แก่ เกาหลี จีน (บางมณฑล) ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และอินโดฯ ที่จะมาต่อยอดจากเวียดนาม และมีกำลังการผลิตรองรับ (หลักๆ ติดเรื่องต้องการหา Distributor/Partner ระยะยาว)
  • Concern สำคัญเป็นภาพเศรษฐกิจในตลาดต่างจังหวัด แต่แบรนด์ SNNP ค่อนข้างแข็ง และเป็นกลุ่มสินค้าราคาจับต้องได้อยู่แล้ว ทำให้โตกว่าตลาดได้ เรามองว่าประเด็นนี้ รอเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และรายได้ภาคเกษตรฯ ฟื้น

View From Fundamental:

เรายังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายในเชิงพื้นฐาน 26 บาท (อิง Forwards PER ที่ 31 เท่า หรือค่าเฉลี่ยตั้งแต่หลังโควิด-19) โดยเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากว่า 27% จากจุดสูงสุดรอบ 3 เดือน ด้วยความกังวลต่อกำไร 3Q23 ที่ออกมาก็ไม่ได้ผิดไปจากคาดการณ์ ควรจะถูก Re-rate valuation กลับจากฐานปัจจุบัน ที่คิดเป็น PER ปี 2024 ราวๆ 20 เท่า ไประดับอย่างน้อยๆ เท่าช่วงแรงกดดัน Lockdown และสงครามยูเครน-รัสเซีย ที่อยู่ในช่วง 22-25 เท่า เทียบเป็นราคาหุ้น 18.5-21 บาท และ Upside ที่เหลืออาจรอความหวังปลดล๊อคความท้าทายจากประเด็นเวียดนาม การกระตุ้นเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจมหภาคกลับมา

- Advertisement -