บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Sino Thai Engineering and Construction (STEC)
กำไร 3Q66 ไม่เด่น … คาดฟื้นตัวเล็กน้อยใน 4Q66
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +18.6%
- Close Nov 7, 2023 Price (THB) 8.60
- 12M Target (THB) 10.20
- Previous Target (THB) 15.00
What’s new?
- คาดกำไรปกติ 3Q66 ที่ 87 ลบ. (-43.4%QoQ, -37.2% YoY) ไม่เด่น เนื่องจากจะไม่มีปันผลรับจาก GULF และ TSE ประกอบกับเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเป็นไตรมาสแรก
- แนวโน้ม 4Q66 คาดฟื้นตัว QoQ จากฤดูกาลส่งมอบงาน แต่จะชะลอลงแรง YoY จากฐานสูง
Our view
- เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ลง 23.1% และ 25.2% เป็น 522 ลบ.(-39.1%YoY) และ 710 ลบ. (+35.8% YoY) ตามลำดับ
- ปรับลดราคาเหมาะสมลงเป็น 10.20 บาท (อิง PER ที่ 22 เท่า) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อรอ Catalyst จากการเดินหน้าผลักดันโครงการต่างๆ ของภาครัฐฯ ในปี 2567
คาดกำไร 3Q66 ชะลอลงทั้ง QoQ และ YoY ถูกกดดันจากสายสีเหลือง
เราคาดกำไรสุทธิ 3Q66 ของ STEC ที่ 87 ลบ. (-43.4% QoQ, -37.2% YoY) ชะลอลงทั้ง QoQ และ YoY แม้เราคาดรายได้จะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY คาดอยู่ที่ 9,114 ลบ. (+4.1% QoQ, +1.2% YoY) จากการรับรู้รายได้โครงการใหม่กลุ่มโรงไฟฟ้า (โรงไฟฟ้าปลวกแดง, โรงไฟฟ้าหินกอง) และ GPM คาดฟื้นตัวเป็น 4.4% จาก 2.1% ใน 2Q66 เนื่องจากใน 2Q66 บริษัทมีการตั้งประมาณค่าใช้จ่ายคืนพื้นผิวจราจรรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และค่าใช้จ่ายในการซ่อมโครงสร้างอุโมงค์บึงหนองบอนรวมกันราว 200 ลบ. อย่างไรก็ตามบริษัทจะไม่มีปันผลรับจาก GULF และ TSE เหมือน 2Q66 และจะเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งผลประกอบการจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (STEC ถือ 15%) ที่มีผลขาดทุนเป็นไตรมาสแรก เนื่องจากมีจำนวนผู้โดยสารเฉลี่ยต่อวันราว 4 หมื่นคน/วัน ต่ำกว่าจุดคุ้มทุนที่ราว 1.0-1.2 แสนคน/วัน ทำให้เราคาด ส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุน จากบริษัทร่วมที่ 44 ลบ. จากที่รับรู้เป็นกำไร 36 ลบ. 2Q66 และ 11 ลบ. ใน 3Q65
แนวโน้ม 4Q66 ฟื้นเล็กน้อย QoQ แต่ชะลอแรง YoY
เราประเมินแนวโน้มผลประกอบการใน 4Q66 จะฟื้นตัวได้ QoQ เนื่องจากเป็นฤดูกาลส่งมอบงานที่จะรับรู้รายได้มากขึ้น และจะรับรู้กำไรจากการตีราคาอสังหาฯ เพื่อการลงทุน ขณะที่เทียบ YoY คาดชะลอลงแรงจากฐานที่สูง เนื่องจากปีก่อนเป็นช่วงพีคในการรับรู้รายได้ของโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ได้แก่ สายสีส้ม, สีชมพู และสีเหลือง ประกอบกับจะยังต้องรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ประเมินว่ายังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 12-18 เดือนถึงจะถึงจุดคุ้มทุน
ปรับประมาณการกำไรปี 2566-2567 ลง
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-2567 ลง 23.1% และ 25.2% เป็น 522 ลบ.(-39.1% YoY) และ 710 ลบ. (+35.8% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานรายได้และ GPM ลง และการรับรู้ผลขาดทุนจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง โดยมี Upside จากธุรกิจใหม่ๆ อาทิ การลงทุนในโครงการ Data Center ที่บริษัทเริ่มศึกษาซึ่งมองว่ายังต้องใช้เวลา
ปรับราคาเป้าหมายลงเป็น 10.20 บาท .. รอการประมูลโครงการภาครัฐใหม่ๆ
ปรับไปใช้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2567 อิงวิธี PER ที่ 22 เท่า ( เทียบเท่ากับ -0.5 SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต) ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 10.20 บาท มี Upside gain 18.6% และ P/BV ในปัจจุบันอยู่ระดับต่ำกว่า 1.0 เท่า มองว่าไม่แพง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อรอ Catalyst จากการเดินหน้าผลักดันโครงการต่างๆของภาครัฐฯ ในปี 2567