บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
AP Thailand (AP) กำไรปกติ 3Q66 เติบโต QoQ และ YoY ตามคาด
Action TRADING (Downgrade)
- TP upside (downside) –
- Close Nov 7, 2023 Price 11.10
- 12M Target U.R.
Earnings Results
- AP รายงานรายได้ 3Q66 ที่ 1.0 หมื่นลบ. (+8.5% QoQ, +12.1% YoY) และกำไรปกติ 1.7 พันลบ. (+9.9% QoQ, +19.6% Yoy) ตามลำดับ ใกล้เคียงกับคาดการณ์ของเราและตลาด
- กำไรปกติเพิ่มขึ้น QoQ และ YoY มาจากรายได้การโอนกรรมสิทธิ์ 2 โครงการแนวสูงที่สร้างเสร็จใหม่ ได้แก่ Aspire ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ มูลค่า 1.2 พันลบ. (ยอดจองซื้อ 89%, โอนแล้ว 58.7%) และ The Address สยาม-ราชเทวี มูลค่า 8.6 พันลบ. (โครงการ JV) (ยอดจอง ซื้อ 43%, โอนแล้ว 15%) รวมถึงการโอนโครงการแนวราบที่ทำได้ค่อนข้างดีราว 300-400 ลบ./โครงการ เช่น The City Bangna, The City Pinklao-Borom3 และ Centro Bangna
- อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 35.5% ลดลง 207 bps QoQ จากฐานสูง ที่สัดส่วนการสูงมอบของโครงการแนวราบใน 1H66 ที่มีอัตรากำไรสูงเป็นพิเศษลดลง แต่เทียบ YoY เพิ่มขึ้น 158 bps YoY
- อัตราส่วน SG&A/Sales อยู่ที่ 18.1% (-527 bps QoQ, -2036 bps YoY) ลดลง QoQ และ YoY จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดลดลง
Our Take
- เราคาด Presale 4Q66 จะอยู่ที่ 1.4-1.5 หมื่นลบ. ยังเติบโต QoQ และ YoY ตามการเปิดโครงการใหม่จำนวน 23 โครงการ 3.6 หมื่นลบ. (47.5% ของแผนเปิดโครงการปี 2566) และกลยุทธ์ทางการตลาดช่วงปลายปี หากประเมินรวมกับยอด Presale 9M66 ที่ 3.5 หมื่นลบ.
- เราคาดยอด Presales ทั้งปี จะอยู่ที่ 5.0 หมื่นลบ. ต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัทฯ 10-15% เราคงคาดการณ์กำไรปี , 2566 ที่ 6.1 พันลบ. (+3.6% YoY) เนื่องจากเราคาดผลประกอบการ 4Q66 อยู่ที่ราว 1.3-1.5 พันลบ. เติบโต YoY จาก Backlog รอโอนจำนวนมาก ซึ่ง ณ สิ้น 3Q66 มูลค่ารวม 3.3 หมื่นลบ. แบ่งเป็น 1) โครงการแนวราบ มูลค่า 1.6 หมื่นลบ. ซึ่งเราคาดจะโอนได้ราว 60% ภายใน 4Q66 และ 2) โครงการแนวสูง มูลค่า 1.6 หมื่นลบ. (โครงการ JV 1.4 หมื่นลบ.) โดยคาดจะโอนกรรมสิทธิ์รับรู้เป็นรายได้ใน 4Q66 ราว 3.4 พันลบ. อย่างไรก็ตาม หากเทียบ QoQ เราคาดจะชะลอตัวลงจากฐานสูงที่มีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่พร้อมโอน 2 โครงการใน 3Q66
- เรามองการเติบโตของผลประกอบการปี 2567 จะมีความท้าทายมากกว่าที่ประเมิน จากทั้งอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง และกำลังซื้อที่ลดลง จึงมีแนวโน้มปรับลดรายได้จากการโอนส่งมอบในปี 2567 ลงจากคาดการณ์เดิมของเราราว 5-10% เราอยู่ในช่วงปรับประมาณการเบื้องต้น คาดกำไรปกติลดลงเป็น 6.0-6.3 พันลบ. อิง PER ที่ 6.4x จะได้ราคาเหมาะสมใหม่อยู่ในช่วง 12.20-12.90 บาท/หุ้น และมี Upside gain จากราคาปัจจุบันที่ 9.9-16.2% จึงมีแนวโน้มปรับลดคำแนะนำลงเป็น “TRADING”
- เชิงกลยุทธ์ แนะนำยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน และอาจจับจังหวะเก็งกำไรในช่วงต้นปี 2567 หลังการประกาศจ่ายเงินปันผลคาดที่ 0.67-0.70 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield 6.0-6.3%