น้ำมันตัวร้าย กับนายงบ 3Q / 1,395-1,420

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET เสี่ยงลงต่อ: โดยรวมมองตลาดหุ้นไทยวันนี้มีโอกาสจะปรับลง นำโดยกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแตะระดับ 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ท่ามกลางความกังวลต่ออุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน โดย EIA มองอุปสงค์โดยรวมในปีนี้จะชะลอตัวลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน ทำให้มีความต้องการพลังงานเพียง 20.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ด้านอุปสงค์จากจืนเริ่มมีความกังวล หลัง PMI ภาคบริการและการผลิตยังอยู่ต่ำกว่าค่า 50 สะท้อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีนัก โดยในเช้าวันนี้ คาด CPI จีนเดือนตค. ออกมาชะลอตัวลงสู่ระดับ -0.2% หากออกมาตามคาด มีแนวโน้มที่ตลาดจะกลับมากังวลต่ออุปสงค์ในตลาดพลังงานอีกครั้ง ด้านถ้อยแถลงของนาย เจอโรม พาวเวล วานนี้ ยังไม่ได้ระบุถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายใดๆ โดยเน้นย้ำถึงการคาดการณ์เศรษฐกิจว่าอาจต้องคิดออกนอกกรอบ เพื่อคาดเดาภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน สะท้อนความกังวลต่อความไม่แน่นอนที่มีมากขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ดีการที่ 10-YearUSBond Yields ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.49% จะช่วยลดแรงกดดันต่อภาพรวมการลงทุนโดยรวมได้บางส่วน ด้านปัจจัยภายในประเทศมองนักลงทุนจะเน้นให้ความสำคัญกับการทยอยประกาศผลประกอบการณ์ 3Q66 โดยเน้นเก็งกำไรในหุ้นที่ผลประกอบการณ์จะออกมาดี โดยวันนี้มองกลุ่มโรงพยาบาลและค้าปลีกน่าสนใจ รวมถึงกลุ่ม Anti-commodity และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่คาดปรับตัวขึ้นได้โดดเด่นกว่าตลาด หลังได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง นอกจากนี้ ตลาดจะยังคงรอจับตาความคืบหน้าของทิศทางมติเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่จะเข้าที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการเงินดิจิทัล ซึ่งมีนายกฯร่วมประชุมในวันพรุ่งนี้โดยจะหารือถึงความเป็นไปได้และกรอบงบประมาณ เบื้องต้นคาดจะเป็นงบผูกพันตลอดช่วงอายุของรัฐบาล 4 ปี ในกรณีที่ขาดแคลนงบประมาณโ ดยหากมีความคืบหน้าอาจทำให้กลุ่มค้าปลีก และการเงินได้รับ Sentiment บวกเพิ่ม
  • กลยุทร์การลงทุน : 1) ท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง: AOT, BA, M, SPA, CENTEL, CPN, ERW, MTC 2) Anti-Commodity: GULF, EA, GPSC, SCC, SCGP, TASCO 3) งบ 3Q66: ILM, BH, BCH, OR, BDMS, LH 4) SET50: ITC, JMT

ปัจจัยบวก

  • สแตนดาร์ดซาร์เตอร์ดชี้ ภาครถ EV จีนเฟื่องฟู โดยขายรถ EV ในจีนได้กว่า 5.9 ล้านค้นในปี 2565 คิดป็นสัดส่วน 59% ของยอดขายรถ EV ทั่วโลก แม้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวน่าผิดหวัง
  • FETCO ซูโมเดล LTF หารือนายก เพื่อต่ออายุการลดภาษี SSF และให้สิทธิทางภาษีสำหรับผู้ที่ถือครองต่ำกว่า 10 ปี พร้อมขอให้ภาครัฐมีมาตรการหนุนกองทุน ESG
  • ผู้ว่าแบงก์ชาติจีนมั่นใจบรรลุเป้าหมายผลักดัน GDP ขยายตัว 5% ปีนี้ และธนาคารกลางจีนจะยังคงใช้นโยบายการเงินอย่างรอบคอบเพื่อฟื้นฟูการเติบโตของเศรษฐกิจที่แท้จริง
  • สศค.คาดอัตราเงินเฟื้อทั่วไปปี 66-67 อยู่ที่ 1.5-2.3% โดยการชะลอตัว สาเหตุหลักมาจากราคาสินค้าหลายชนิดที่ปรับตัวลดลงเทียบกับปีก่อน

ปัจจัยลบ

  • IMF แนะ ECB ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับสูงหรือไกลระดับสูงสุดไปจนถึงปีหน้า เพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
  • EIA คาดสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปีนี้ คาดจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 12.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่มองปริมาณการใช้ปิโตรเลียมโดยรวมของสหรัฐจะลดลง 300,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 20.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในปีนี้ กดดัน Upside ของกลุ่มพลังงาน
  • FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักล่งทุนเข้าเกณฑ์ “ซบเซา” เหตุสงคราม อิสราเอล และเงินทุนไหลออก โดยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 76.87 ปรับลง 31.5% จากเดือนก่อนหน้า

PICKS OF THE DAY

BCH BUY

  • เป้าหมาย 22.00 / 22.50 แนวรับ 20.20 / 20.50
  • 3Q66 คาดรายได้โต q-q: ทางฝ่ายคาดรายได้ใน 3Q66 ยังโต q-q จากการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค. กอปรกับการฟื้นตัวของผู้ป่วยกลุ่มต่างประเทศโดยเฉพาะกลุ่ม Middle East ที่ชะลอตัวในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาจากการเข้าสู่ช่วงรอมฎอน คาดส่งผลให้รายได้ใน 3Q66 โต 15% q-q เป็น 3,277.13 ล้านบาท โดยมีการเติบโตของรายได้กลุ่ม IPD 28.2% q-q, OPD 7.8% q-q และ SSO 7.0% q-q จากการรับรู้รายได้ประกันสังคมเรทใหม่เต็มไตรมาส กอปรกับจำนวนผู้เข้าประกันสังคมที่สูงขึ้นจากการตรวจสุขภาพเชิงรุกควบคู่กับการเสนอแพ็คเกจสุขภาพ
  • Defensive Stock: ปัจจุบันมีค่า Beta ที่ 0.67 ซึ่งต่ำกว่า 1 สะท้อนเป็นหุ้น Defensive เหมาะแก่การลงทุนในช่วงที่ SET Index มีความผันผวน

GULF BUY

  • เป้าหมาย 47.00 / 48.00 แนวรับ 44.00
  • คาดงบออกวันนี้ +q-q, y-y : คาด 3Q66 กำไรเติบโตได้ โดยหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม โดยเฉพาะจากโรงไฟฟ้า Jackson ที่กำไรน่าจะโตได้ตามราคาก๊าซ Henry Hub และมุมมอง 4Q คาดกำไรยังโตได้ต่อเนื่องจากกำลังผลิตใหม่ และ high season ของโรง ไฟฟ้าพลังงานลม
  • กระทบจากลดค่าไฟจำกัด : ทางฝ่ายมองว่าประเด็นด้านนโยบายลดค่าไฟมีผลกระทบกับบริษัทน้อยเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่อื่น เนื่องจากมีสัดส่วนโรงไฟฟ้า SPP ที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมน้อยกว่า รวมถึงปัจจุบันราคาหุ้นที่ซื้อขายยังมี upside ค่อนข้าง มากเป็นโอกาสในการซื้อ
- Advertisement -