บล.บัวหลวง:
Srinanaporn Marketing (SNNP TB / SNNP.BK)
SNNP – กำไรออกมาดีตามคาด; ได้เวลาบุกกลับ !
กำไร 3Q23 ไม่ผิดแผน เหมือนที่นักลงทุนอาจจะกังวลไปก่อนหน้า SNNP รายงานกำไรสุทธิ/หลัก 3Q23 ที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.7% YoY และ 2.2% QoQ เป็นไปตามที่เราและตลาดคาดไว้
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
กำไรหลักที่เติบโต YoY และ QoQ เกิดจากอัตรากำไรขั้นต้น (GM) ที่ปรับตัวสูงขึ้นมาก สำหรับรายได้จากการขายอยู่ที่ 1.49 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% YoY และ 1.1% QoQ โดยตลาดเวียดนามเติบโตเด่น 7% YoY และ 10% QoQ ส่วนในไทยทรงตัว YoY แต่ลดลง 3% QoQ (ตามฤดูกาล) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GM) เฉลี่ย อยู่ที่ 28.8% (สูงสุดตั้งแต่เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2020) เพิ่มขึ้นจาก 27.3% ใน 3Q22 และ 27.9% ใน 2Q23 หนุนโดยการบริหารต้นทุน (ปรับประสิทธิภาพการทำงานและวัตถุดิบ) และเป็นไปตาม Product mix (สัดส่วนขายต่างประเทศ และกลุ่มสินค้า Snack เพิ่ม) ส่วน SG&A/revenue ratio อยู่ที่ 15.60% ลดลง 42bps YoY (ฐานรายได้เพิ่ม และค่าใช้จ่ายลดเล็กน้อย) แต่เพิ่มขึ้น 92bps QoQ
แนวโน้ม
คาดกำไร 4Q23 จะทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) เติบโตทั้ง YoY และ QoQ เกิดจาก 1) ปัจจัยฤดูกาล โดยเฉพาะช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง 2) การท่องเที่ยวฟื้นตัว 3) การ Ramp-up ของโรงงานในเวียดนาม รวมทั้งการออกสินค้าใหม่กลุ่มราคาประมาณ 5 บาท (ที่น่าจะนิยม) และ 4) เปิดตัวสินค้าใหม่ 2 อย่างสำหรับตลาดไทย ส่วนอัตรากำไรหลักเบื้องต้นมองทรงตัว QoQ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เรามีการปรับปรุงตัวเลขสมมติฐานประมาณการ (Fine-tune) กำไรให้สอดคล้องกับภาพที่เกิดขึ้นใน 3Q23 โดยหลักๆ มีการปรับลดประมาณการรายได้ลงเล็กน้อย เพิ่มสัดส่วน SG&A/sales ratio แต่ผลกระทบถูกกลับด้วยการปรับเพิ่มสมมติฐาน GM ขึ้น ทำให้ประมาณกำไรหลักปี 2023-24 เราใกล้เคียงเดิมที่ 664 (+29% YoY) และ 792 (+19% YoY) ตามลำดับ โดยใน ปี 2024 ปัจจัยขับเคลื่อนหลักจะมาจากการเติบโตของตลาดเวียดนามที่มาทั้งรายได้และอัตรากำไร
คำแนะนำ
เรายังคงคำแนะนำซื้อ ปรับราคาเป้าหมายเพียงเล็กน้อยเป็น 25.75 บาท ตามการปรับประมาณการกำไร (ยังอิง Forwards PER ที่ 31 เท่า หรือค่าเฉลี่ยตั้งแต่หลังโควิด-19) โดยเรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากว่า 28% จาก จุดสูงสุดรอบ 3 เดือน ด้วยความกังวลต่อกำไร 3Q23 ที่ออกมาก็ไม่ได้ผิดไปจากคาดการณ์ ควรจะถูก Re-rate valuation กลับจากฐานปัจจุบัน ที่คิดเป็น PER ปี 2024 ราวๆ 20 เท่า ไประดับอย่างน้อยๆ เท่าช่วงแรงกดดัน Lockdown และสงครามยูเครน-รัสเซีย ที่อยู่ในช่วง 22-25 เท่า เทียบเป็นราคาหุ้น 18.5-21 บาท และ Upside ที่เหลืออาจรอความหวังปลดล๊อคความ ท้าทายจากประเด็นเวียดนาม และการกระตุ้นเศรษฐกิจมหภาคกลับมา