KS Daily View 09.11.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,400-1,425 จุด มองตลาดแกว่งตัวออกด้านข้าง เจ้าหน้าที่เฟดยังสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง หุ้นแนะนำ GULF, BE8

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้

  • ต่างประเทศ: ดัชนี DJIA -0.12%, S&P 500 +0.10%, NASDAQ +0.08%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ IT (+0.64%), Real estate (+0.59%), และ Industrials (+0.27%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Energy (-1.22-%), Utilities (-0.74%), และ Consumer Staples (-0.42%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index +3.47 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 1,411.77 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ AAV (+5.64%), SJWD (+4.31%), MTC (+3.77%), JMT (+3.76%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ PSL (-5.00%), KCE (-4.50%), SPRC (-4.38%), TRUE (-4.13%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,400 – 1,425 จุด ในวันนี้ ตามตลาดหุ้นสหรัฐที่แกว่งตัวออกด้านข้างหลังจากปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง 8 วันทำการติดต่อกัน และความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายออกมาสนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเศรษฐกิจยังเติบโตร้อนแรง  ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 10 ปีทั้งสหรัฐและไทยปรับลดลง ส่งผลดีกับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โรงไฟฟ้า และกลุ่มการเงิน

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

  1. เจ้าหน้าที่หลายรายของเฟดได้ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2566 ของสหรัฐที่ขยายตัว 4.9% นั้น ถือว่าแข็งแกร่งมาก และเมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใช้คำนวณตัวเลข GDP ก็พบว่าทุกองค์ประกอบมีความแข็งแกร่งมากเช่นกัน ดังนั้นเฟดควรจับตาข้อมูล GDP อย่างใกล้ชิดเพื่อใช้ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  2. นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดไม่ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงินในอนาคตในการกล่าวเปิดการประชุมสถิติของเฟด (Fed’s statistics) เมื่อวานนี้ แต่เขามีกำหนดจะพูดในฐานะส่วนหนึ่งของการประชุมในวันนี้
  3. สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงที่ $75.57 แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์น้ำมันในสหรัฐและจีน รวมถึงรายงานของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นเกือบ 12 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 300,000 บาร์เรล
  4. อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ 10 ปีปรับลดลงต่ำกว่า 4.5% มาอยู่ที่ 4.492% ลดลงต่อเนื่องจากเมื่อคืนที่ทางสหรัฐมีการประมูลพันธบัตรวงเงิน 4 หมื่นล้านเหรียญดอลล่าร์ที่ระดับดอกเบี้ย 4.519% จากครั้งก่อนที่ประมูลได้ที่ 4.61% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี ลดลงเช่นกันสู่ระดับ 3.08%

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,400 – 1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ หนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงบนโอกาสที่เฟดจะกลับลำลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นเป็นกลางปี 2024 ที่ 100bps จากเดิมที่ 75bps. ขณะที่ราคาน้ำดิบลดลงสะท้อนตลาดคลายกังวลสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) ถ้อยแถลงของประธานเฟด และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด 2.) ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ และค่าเงิน USD ซึ่งจะเป็นตัวสะท้อนทิศทาง Fund flow 3.) สถานการณ์สงครามอิสราเอล-ฮามาส 4.) รายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องวงเงินดิจิตอลวอลเล็ตในวันที่ 10 พ.ย. และ 5.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ และตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ต.ค. ของจีน อาทิ ตัวเลขการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนีราคาผู้ผลิต เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้

  • Top pick: GULF (ราคาพื้นฐาน 50.0 บาท) ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับลดลง โดย 10 ปีต่ำกว่า 4.5% อยู่ที่ 4.492% เป็นผลดีกับกลุ่มโรงไฟฟ้า ขณะที่คาด GULF จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 3.05 พันลบ. เติบโต 181%YoY จากกำลังการผลิตที่สูงขึ้น, +6%QoQ จากส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น
  • Top pick: BE8 (ราคาพื้นฐาน 69.68 บาท) หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับผลดีจากอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง โดย 10 ปีของไทยปรับลดลงมาที่ 3.08%คาดว่ากำไรปี 2566 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เราคาดว่ากำไรปกติปี 2566 จะอยู่ที่ 301 ลบ. คิดเป็นการเติบโตที่ 117% YoY

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของจีน (Consumer Price Index) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่0.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.0% YoY และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯสำหรับสัปดาห์ก่อนหน้า ตลาดคาดที่ 2.20 แสนคน เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.17 แสนคน ปิดท้ายด้วยติดตามประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) Powell มีกำหนดให้สัมภาษณ์ในช่วงข้ามคืนในที่ประชุม IMF สำนักงาน Washington DC.
  • วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขยอดสินเชื่อใหม่ของทางจีน (New Yuan loans) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.5 ล้านล้านหยวน เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.31 ล้านล้านหยวน ต่อด้วยตัวเลข GDP ของอังกฤษสำหรับไตรมาสที่ 3 ตลาดคาดที่0.9% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 0.5% และปิดท้ายด้วยตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (UOB consumer sentiment) เดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 65.0 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 63.8
- Advertisement -