‘กลุ่มดุสิตธานี’ รุกขยายธุรกิจ ปักหมุดแบรนด์ ‘ดุสิต ปริ้นเซส’ ในอินเดีย เตรียมเปิด 4 โครงการใหญ่ใจกลางธรรมชาติ ทั้งโรงแรมและเรสซิเดนซ์ คาดพร้อมให้บริการปี 2569 ตอกย้ำโอกาสเติบโตอย่างมีศักยภาพของแบรนด์ไทยในตลาดโลก
กลุ่มดุสิตธานี ประกาศเซ็นสัญญาบริหารโรงแรม (Hotel Management Agreement : HMA) และบริหารเรสซิเดนซ์ (Residential Management Agreement) กับ ‘ไซโอกรีน ไพรเวท’ บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีสำนักงานใหญ่ในบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ในการบริหารจัดการโครงการโรงแรมและเรสซิเดนซ์ รวม 4 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของรัฐกรณาฏกะ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของอินเดีย ทั้งหมด 4 แห่ง ภายใต้แบรนด์ “ดุสิต ปริ้นเซส” โดยทุกโครงการคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2569
มร. จิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไซโอกรีน จำกัด และได้มีโอกาสบริหารจัดการโครงการใหญ่ทั้ง 4 แห่งนี้ โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายธุรกิจในอินเดีย ด้วยความสวยงามของธรรมชาติพร้อมการบริการอย่างไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานี ทำให้มั่นใจว่า โครงการแห่งใหม่ทั้ง 4 นี้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกผู้มาเยือน และยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างมูลค่าอันยั่งยืนสำหรับชุมชนอีกด้วย
สำหรับโครงการใหม่ทั้ง 4 แห่งในอินเดีย จะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ ‘ดุสิต ปริ้นเซส’ โดยแบ่งเป็น 2 โครงการ ที่เขตคอร์ก และอีก 2 โครงการ ที่เมืองบาเกปัลลิ ตั้งอยู่ในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียใต้ ที่มีมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่ง ป่าอันเขียวชอุ่ม สัตว์ป่า และธรรมชาติที่งดงาม โดยทุกโครงการมีห้องพักรวมทั้งหมด 450 ห้อง
โดย 2 โครงการแรกที่ตั้งอยู่ในเขตคอร์ก ประกอบด้วย ‘โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส คอร์ก’ ซึ่งมีห้องพักรวม 100 ห้อง และ ‘โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส เรสซิเดนเซส คอร์ก’ ที่แบ่งเป็นวิลล่า 50 หลัง และห้องพัก 100 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 182,000 ตารางเมตร ท่ามกลางเทือกเขาธรรมชาติอันร่มรื่น ทั้งนี้ จุดเด่นของเขตคอร์ก คือ การมีทัศนียภาพที่สวยงาม อากาศหนาวสบาย ป่าเขียวชอุ่ม ไร่กาแฟ และเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น ทาลาคาเวรี แหล่งกำเนิดของแม่น้ำกาเวรี ทำให้คอร์กมักถูกเรียกว่า ‘สก็อตแลนด์ของอินเดีย’ โดยกลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะนำเสนอกิจกรรมทางธรรมชาติที่หลากหลาย เหมาะสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาเพื่อพักผ่อนและสนุกสนานร่วมกัน
ขณะที่อีก 2 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองบาเกปัลลิ จะอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่เน้นเวลเนสแบบสุขภาพองค์รวม บนพื้นที่ขนาด 283,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ‘ดุสิต ปริ้นเซส รีสอร์ท บาเกปัลลิ’ มีห้องพักรวม 100ห้อง และ ‘ดุสิต ปริ้นเซส เรสซิเดนเซส บาเกปัลลิ’ ที่นำเสนอวิลล่าสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะรวม 150 หลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และ “เทวารัณย์ เวลเนส” ที่จะนำเสนอประสบการณ์ผ่านโปรแกรมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมภายใต้แนวคิด การหยุดนิ่ง ‘Pause’, การมีสมาธิ ‘Focus’, และการเติบโต ‘Growth’ รวมถึงการรักษาด้วยสมุนไพร, การรักษาอายุรเวท, และหลักการรักษาแบบไทยโบราณ ภายใต้บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพักผ่อนอย่างมาก เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำชิตราวาธีที่เงียบสงบ ขณะที่การเดินทางสะดวกสบาย เนื่องจากอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติบางกะลอร์ประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางโดยรถยนต์
“กลุ่มดุสิตธานีมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตในอินเดีย โดยปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานี บริหารจัดการกลุ่มวิลล่าหรูหรา ภายใต้แบรนด์ ‘อีลิธ ฮาเวนส์’ ที่เมืองกัวในอินเดีย และยังเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมดุสิตแห่งแรกในอินเดีย ชื่อ ‘ดุสิตดีทู ฟากุ ชิมลา’ ที่ประกอบด้วยห้องพักรวม 80 ห้อง ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2024 ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการนำแบรนด์ไทยและบริการแบบไทยภายใต้มาตรฐาน ‘ดุสิตธานี’ ไปสู่ตลาดโลก” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานี กล่าว
ด้าน มร. บาลาจี เรดดี กรรมการบริหาร บริษัท ไซโอกรีน จำกัด กล่าวว่า การบริการอย่างไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตและความมุ่งมั่นในด้านดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ตรงกับวิสัยทัศน์ของ ‘ไซโอกรีน’ ที่มุ่งเน้นสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในสวรรค์ธรรมชาติของกรณาฏกะ เพื่อให้ผู้มาพักผ่อนสามารถเพลิดเพลินกับความงดงามของทิวทัศน์ใจกลางธรรมชาติพร้อมทั้งฟื้นฟูร่างกายและจิตใจในเวลาเดียวกัน ทำให้มั่นใจว่า ภายใต้การบริหารของกลุ่มดุสิตธานี จะทำให้ทั้ง 4 โครงการสามารถตอบโจทย์และเติมเต็มความต้องการของลูกค้าได้อย่างน่าประทับใจ