บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Gunkul Engineering (GUNKUL)
กำไร 3Q66 โตเด่น…ลุ้นเติบโตต่อใน 4Q66
Action BUY (Maintain)
- TP upside (downside) +62.8%
- Close Nov 8, 2023 Price (THB) 2.58
- 12M Target (THB) 4.20
- Previous Target (THB) 5.25
What’s new?
- GUNKUL รายงานกำไรปกติ 3Q66 ที่ 426 ล้านบาท เติบโต YoY และ QoQ หลังได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ EPC, Trading และ Solar Rooftop รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศที่สูงขึ้นตามความเร็วลม
- ปรับกำไรปี 2566 ขึ้นเป็น 1,719 ล้านบาท เพื่อสะท้อนส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมที่สูงกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า แต่คงกำไรปี 2567 ที่ 1,495 ล้านบาท เนื่องจากคาดความเร็วลมจะลดลงสู่ระดับปกติในปี 2567
Our view
- เบื้องต้นคาดกำไร 4Q66 ที่ระดับ 450 ล้านบาท +/- เติบโตทั้ง YoY และ QoQ หลังได้แรงหนุนกจากการไม่มีค่าที่ปรึกษาที่สูงเหมือนปีก่อนและปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในประเทศ
- ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 4.20 บาท/หุ้น มี Upside +62.8%
- ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2567 เพียง 15.3 เท่า รวมถึงมีเงินปั่นผลระหว่างกาล 0.06 บาท/หุ้น และโครงการซื้อหุ้นคืนช่วยจำกัด Downside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
กำไรปกติ 3Q66 เติบโตเด่น YoY และ QoQ
GUNKUL รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 ที่ 462 ล้านบาท (+2% QoQ, -70% YoY) หากหักรายการพิเศษออกกำไรปกติอยู่ที่ 426 ล้านบาท (+12% QoQ, +92% YoY) สามารถเติบโต YoY จาก 1) รายได้รวมที่เติบโต +17% YoY หลังได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจ EPC (เติบโต +23% YoY) และธุรกิจขายไฟฟ้าจาก Solar Rooftop (เติบโต +860% YoY) 2) ต้นทุนท่างการเงินที่ลดลง -10% YoY จากการลดสัดส่วนการถือหุ้นในโครงการลมในประเทศ และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศที่สูงขึ้น จากความเร็วลมที่สูงขึ้นมาก YoY (ผลจากฐานที่ต่ำในปีก่อน) ขุณะที่การเติบโต QoQ ได้แรงหนุนจาก 1) รายได้ของธุรกิจ Trading ที่เติบโต +51% QoQ 2) อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ EPC ที่ฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 15.1% จาก 14.4% ในช่วง 2Q66 และ 3) ปัจจัยฤดูกาลของโครงการลมในประเทศ
ปรับกำไรปี 2566 ขึ้นจากลมที่แรงกว่าคาด
กำไรปกติ 9M66 คิดเป็นสัดส่วน 102% ของประมาณการเดิม เราจึงปรับกำไรปี 2566 ขึ้น 33% เป็น 1,719 ล้านบาท (+49% YoY) จากการปรับสมมติฐานส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศขึ้นเป็น 1,132 ล้านบาท จากเดิม 718 ล้านบาท เพื่อสะท้อนความเร็วลมเฉลี่ยในปี 2566 ที่สูงกว่าที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม เราคงประมาณการกำไรปี 2567 ที่ 1,495 ล้านบาท (-13% YoY) เนื่องจากคาดความเร็วลมจะลดลงสู่ระดับใกล้เคียงปกติในปีดังกล่าว (คาดส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศที่ 761 ล้านบาท)
คาดกำไร 4Q66 เติบโต YoY และ QoQ ต่อเนื่อง
เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 4Q66 แบบอนุรักษ์นิยมที่ราว 450 ล้านบาท +/- สามารถเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ จาก 1) รายได้ของธุรกิจ EPC ที่มีแนวโน้มเติบโต YoY ต่อเนื่องตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น 2) การเติบโตของรายได้จากการขายไฟฟ้าจาก Solar Rooftop 3) ค่าใช้จ่าย SG&A ที่มีแนวโน้มลดลง 15-20% YoY และทรงตัว QoQ หลังไม่มีการบันทึกค่าที่ปรึกษาจากการขายสัดส่วนการลงทุนในโครงการลม 3 โครงการเหมือนใน 4Q65 และ 3) ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการลมในประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากความเร็วลมที่คาดสูงขึ้น YoY และปัจจัยฤดูกาล
ปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 4.20 บาท/หุ้น…คงคำแนะนำ “ซื้อ”
เราปรับ WACC ที่ใช้ประเมินมูลูค่าธุรกิจไฟฟ้าขึ้นเป็น 7.4% เพื่อสะท้อนตลาดที่มีความเสี่ยงมากขึ้น และปรับไปใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ส่งผลให้ได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 4.20 บาท/ห้น มี Upside +62.8% โดยราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2567 เพียง 15.3 เท่า (ใกล้เคียงค่าเฉลี่ย PER ย้อนหลัง 10 ปี -1SD) จึงมองว่าราคาปัจจุบันได้สะท้อนผลกระทบจาก Bond Yield ไทยและสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง และความเสี่ยงเชิงนโยบายไปมากแล้ว นอกจากนี้หุ้นยังมีเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.06 บาท/หุ้น (Dividend Yield 2.3%, XD วันที่ 22 พ.ย.) และโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 1,120 ล้านบาท (แจ้งตลาดฯ 1 พ.ย.) ช่วยจำกัด Downside ขณะที่การฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะกลางได้ แรงหนุนจากการลงนามในสัญญา PPA สำหรับโครงการแสงอาทิตย์ที่ได้รับคัดเลือกในรอบ 5.2GW (คาดภายใน 4Q66) จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”