บล.บัวหลวง:
Quality Houses (QH TB / QH.BK)
QH – กำไรไตรมาส 3/66 เป็นไปตามทุกคาดการณ์; แนวโน้มไม่น่าตื่นเต้น
กำไรเป็นไปตามทุกคาดการณ์
QH รายงานกำไรหลักไตรมาส 3/66 ที่ 634 ล้านบาท ทรงตัว YoY แต่ลดลง 5% QoQ ซึ่งเป็นไปตามที่เราและตลาดคาด
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
กำไรหลักปรับตัวลดลง YoY และ QoQ เนื่องจากยอดโอนโครงการที่ลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยที่ลดลง ยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (โครงการแนวราบ 89% โครงการคอนโด 11%) ลดลง 7% YoY และ 6% QoQ ยอดขายโครงการแนวราบอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ลดลง 8% YoY แต่เพิ่มขึ้น 2% QoQ ยอดขายโครงการคอนโดอยู่ที่ 224 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY แต่ลดลง 43% QoQ รายได้จากโรงแรมและค่าเช่าอยู่ที่ 564 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% YoY และ 17% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 31.0% ลดลง 1.2% YoY และ 0.9% QoQ (เนื่องจากการลดราคาโครงการพร้อมขาย)
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 21.2% เพิ่มขึ้น 160bps YoY และ 60bps QoQ เนื่องจากการประกอบกิจการโรงแรมที่เพิ่มขึ้นประกอบกับค่าใช้จ่ายภาษีธุรกิจเฉพาะ ค่าธรรมเนียมการโอนและภาษีอสังหารที่เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรอยู่ที่ 422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY แต่ลดลง 4% QoQ อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนสุทธิ ณ สิ้นเดือน ก.ย.อยู่ที่ 0.54 เท่า
แนวโน้ม
เราคาดกำไรหลักในไตรมาส 4/66 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากคาดการณ์การลดราคาและยอดจองซื้อที่ลดลงในไตรมาสหน้า ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยลดลง และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่สูงขึ้น ในทางตรงกันข้าม ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (ปัจจัยฤดูกาล)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับลดกำไรหลักปี 2566 ลง 8% มาอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (ลดลง 1% YoY 1%) เพื่อสะท้อนยอดจองซื้อ 10 เดือนแรกของปี 256 ที่ต่ำกว่าคาด เราคาดกำไรไตรมาส 4/66 จะอ่อนตัวลง และกำไรหลักปี 2567 ลดลง 14% (ลดลง 2% YoY) เราคาดรายได้ปี 2566 จะลดลง 3% YoY โดยยอดขายที่อยู่อาศัยลดลง 8% แต่รายได้จากการบริการเพิ่มขึ้น 35% อัตรากำไรขั้นจากยอดขายที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลงเหลือ 31-32% ในปี 2566 อัตราส่วน ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายจะอยู่ที่ 22-23% เราคาดส่วนแบ่งกำไรเติบโตที่ 11% (โดยเฉพาะจาก HMPRO) ซึ่งจะช่วยหนุนอัตรากำไรหลักเนื่องจากงบดุลที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดจากธุรกิจประจำ เราคาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงถึง 63% หรือจ่ายปันผลที่ 0.14 บาทต่อหุ้นในปี 2566 (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 6.3%)
คำแนะนำ
เราคาดว่าราคาหุ้นจะ Side-way-up อยู่ในกรอบช่วง 2.30-2.50 บาท หนุนโดยมูลค่าการลงทุนของ QH ใน HMPRO (สัดส่วนการถือหุ้น 20% โดย QH), LHFG (สัดส่วนการถือหุ้น 14%) QHPF (สัดส่วนการถือหุ้น 26%) และ QHHR (สัดส่วนการถือหุ้น 31%) เรายังคงคำแนะนำ ถือ โดยมีราคาเป้าหมายปี 2567 อ้างอิงจากวิธี SOTP ที่ 2.5 บาท โดยอิงจากมูลค่าการลงทุน 2.2 บาท/หุ้น (คิดลด 15% จากมูลค่าตลาด) และ PER ของธุรกิจอสังหาฯ อยู่ที่ 9.0 เท่า