บล.บัวหลวง:
True Corporation (TRUE TB / TRUE.BK)
TRUE – ขาดทุนน้อยกว่าคาด; คาดไตรมาส 4/66 กลับไปขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ
เซอร์ไพร์ซ! ขาดทุนน้อยกว่าคาด
TRUE รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 3/66 ที่ 1.59 พันล้านบาท พลิกกลับไปเป็นขาดทุน YoY จากกำไรสุทธิ 44 ล้านบาทในไตรมาส 3/65 แต่ขาดทุนสุทธิลดลง 31% QoQ หากไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 314 ล้านบาทในไตรมาสนี้ ขาดทุนหลักอยู่ที่ 1.91 พันล้านบาท (เทียบกับกำไรหลักไตรมาส 3/65 ที่ 417 ล้านบาท แต่ขาดทุนหลักลดลง 26% Q0Q) ขาดทุนสุทธิและขาดทุนหลักออกมาน้อยกว่าที่เราคาดคิดเป็น 32% และ 30% ตามลำดับเนื่องจากต้นทุนบริการ (ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงข่าย และต้นทุนบริการ อื่นๆ) ที่ต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้า
บริษัททำการรับรู้ผลประโยชน์ร่วมจากการรวมกิจการก่อนหักค่าใช้จ่ายจากการรวมกิจการ (gross synergies) จำนวน 3.2 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 และเมื่อหักค่าใช้จ่ายจากการรวมกิจการ (integration costs)จำนวน 1.4 พันล้านบาท ผลประโยชน์ร่วมจากการรวมกิจการ หลังจากหักค่าใช้จ่ายจากการรวมกิจการ (net synergies) อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66 (ซึ่งแบ่งเป็นจำนวน 400 ล้านบาท ที่กระทบกับงบกำไรขาดทุนจำนวน 600 ล้านบาทที่จ่ายออกจากสำรองในงบดุล และจำนวน 800 ล้านบาท ที่เหลือซึ่งกระทบงบลงทุน) รายได้บริการต่ำกว่าที่เราคาดคิดเป็น 0.8% ในขณะที่ต้นทุนบริการต่ำกว่าที่เราคาดคิดเป็น 5% EBITDA ที่ทำการปรับปรุงใหม่สูงกว่าที่เราคาดคิดเป็น 3% เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เป็นรายการเงินสดต่ำกว่าที่คาด
ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ
ผลประกอบการหลักที่แย่ลง YoY เนื่องจากรายได้บริการที่ลดลง (ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจบรอดแบนด์) ค่าใช้จ่ายด้านโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย และภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ขาดทุนหลักที่ลดลง QoQ เป็นผลมาจากรายได้บริการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเพย์ทีวี) ต้นทุนบริการอื่นๆ ที่ลดลง และการกลับรายการจากค่าใช้จ่ายด้านภาษีไปเป็นรายการเครดิตภาษี ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมที่ทำการปรับปรุงแล้ว (ซึ่งไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ลดลง 8% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 1% QoQ) เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น
รายได้บริการรวม (ที่ทำการจัดประเภทใหม่) ในไตรมาสนี้ลดลง 1% YoY แต่ฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 1.4% QoQ (โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และธุรกิจเพย์ทีวี) รายได้บริการเฉพาะโทรศัพท์เคลื่อนที่ (ที่ทำการจัดประเภทใหม่) ลดลง 0.4% YoY แต่เพิ่มขึ้น 1.4% QoQ เนื่องจากสภาพการแข่งขันในตลาดที่ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น บวกกับการเติบโตของจำนวนผู้ใช้บริการ TRUE แสดงจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหม่สุทธิ 3 แสนรายในไตรมาสนี้ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากลูกค้าพรีเพด ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อรายต่อเดือนของระบบโพสต์เพดและระบบพรีเพดในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 0.4% QoQ และ 1.3% QoQ ตามลำดับ รายได้บริการบรอดแบนด์ในไตรมาสนี้ลดลง 1.2% YoY และ 0.4% QoQ ในขณะที่รายได้ธุรกิจเพย์ทีวีในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 2.5% YoY และ 5.8% QoQ เนื่องจากรายได้งานอีเว้นท์ที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัย ด้านฤดูกาล
แนวโน้ม
เราคาดผลขาดทุนหลักในไตรมาส 4/66 ที่ 2.52 พันล้านบาท ขาดทุนหลักลดลง 48% YoY (เนื่องจากต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ปรับตัวลดลง) แต่ขาดทุนหลักเพิ่มขึ้น 32% QoQ (เนื่องจากค่าใช้จ่ายจากการรวมกิจการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 8.8 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 1.4 พันล้านบาทในไตรมาส 3/66) เราคาดว่างานโครงการรวมเครือข่ายให้เป็นหนึ่งเดียว (Single Grid) ของ TRUE จะเร่งตัวขึ้นด้วยจำนวนสถานีฐานที่มากกว่า 200 แห่งจะถูกรวมเข้าด้วยกันภายในไตรมาส 4/66 เราคาดรายได้บริการรวมในไตรมาส 4/66 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 1.1% YoY และ 0.7% QoQ (ซึ่งถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้น YoY ครั้งแรกนับตั้งแต่ควบรวมกิจการเป็นต้นมา)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป
เราปรับประมาณการขาดทุนสุทธิปี 2566 ให้ลดลงจากเดิมอีก 13% (เหลือขาดทุนสุทธิ 6.45 พันล้านบาท)เพื่อสะท้อนขาดทุนสุทธิที่น้อยกว่าคาดสำหรับในไตรมาส 3/66 แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เรายังคงประมาณการขาดทุนสุทธิสำหรับทั้งปี 2567 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
คำแนะนำ
เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น TRUE จากการรับรู้ผลประโยชน์ร่วมที่จะเกิดขึ้นจากควบรวมกิจการในระยะยาวและแนวโน้มของผลประกอบการที่จะพลิกกลับไปเป็นกำไรสุทธิตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป