บล.ฟิลลิป:

THANI กำไร 3Q66 ลดลงมากจากสำรอง

ซื้อ TP’67: 3.40

กำไร 3Q66 ลูดลงทั้ง y-y และ q-q ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นมากของการตั้งสำรอง ซึ่งเป็นผลจาก NPL และผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขายที่เพิ่มสูงขึ้น สินเชื่อหดตัวลงสวนทางกับการเพิ่มขึ้นของ NPL ทางฝ่ายมีการปรับประมาณการกำไรปี 66 ลง เนื่องจากการตั้งสำรองที่สูงกว่าคาด แต่คาดว่าปี 67 กำไรจะกลับมาฟื้นตัว ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 3.40 บาท คาดว่ากำไร 3Q66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

งบรวม

3Q66

2Q663Q65% у-у% q-q9M669M65

% у-у

กำไร

250

425453-44.7-41.11,1261,400-19.6

EPS

0.040.080.08-44.7-41.10.200.25

-19.6

หมายเหตุ: กำไร = ล้านบาท, EPS = บาท

  • 3Q66 กำไรลดลง 44.7% y-y และ 41.1% q-q: THANI มีกำไร 3Q66 250 ลบ. ลดลง 44.7% y-y และ 41.1% q-q กำไรที่ลดลงมากเป็นเพราะการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นมากถึง 178.2% y-y และ 142.2% q-q จาก NPL ที่เพิ่มสูงขึ้น และผลขาดทุนจากทรัพย์สินรอการขาย นอกจากนี้ต้นทุนดอกเบี้ยยังเพิ่มสูงขึ้นด้วย ซึ่งรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงพอที่จะชดเชยการเพิ่มขึ้นมากของการตั้งสำรองได้
  • สินเชื่อหดตัว แต่ NPL ก็เพิ่มขึ้น: สินเชื่อของ THANI ในไตรมาสนี้หดตัวลง 0.4% q-q และทำให้สินเชื่อเมื่อเทียบกับสิ้นปี 65 เหลือเติบโต 2.7% ytd โดยเป็นการหดตัวจากสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อเช่าทางการเงินใน ขณะที่สินเชื่อเงินกู้ยืมยังคงเติบโตได้ ทางด้าน NPL ในไตรมาสนี้ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 2.76% จาก 2.68% ในไตรมาสก่อน แต่การตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากยังทำให้สัดส่วนสำรองต่อ NPL ยังคงอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสก่อนที่ 102%
  • ปรับลดประมาณการกำไร ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 67: ทางฝ่ายปรับลดประมาณการกำไรปี 66 ลงเหลือ 1.5 พันลบ. ลดลง 15.8% y-y จากการตั้งสำรองที่สูงกว่าที่คาดไว้ แต่คาดว่าปี 67 กำไรจะฟื้นตัวได้ 19.9% y-y เป็น 1.8 พันลบ. ปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 67 ที้ 3.40 บาท ยังคงมีส่วนต่างเหลือพอสมควรจึงยังคงแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -