KS Daily View 13.11.2023 >>> จับตาทิศทาง Bond yield จาก พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,375-1,410 จุด หุ้นแนะนำ BGRIM, ADVANC

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +1.15%, S&P 500 +1.56%, NASDAQ +2.05%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ IT (+2.59%), Communication Services (+1.68%), Industrials (+1.34%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Utilities (+0.52%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index -15.40 จุด หรือ -1.1% ปิดที่ 1,389.57 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ STA (+5.11%), BCP (+4.4%), COM7 (4.0%), CPN (+3.6%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ JMART (-17.7%), JMT (-17.6%), WHA (-7.2%), DELTA (-6.9%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,375 – 1,410 จุด ในสัปดาห์นี้ รอประเมินงบ 3Q23 ของไทย รวมถึงทิศทาง Bond yield จาก พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. และเงินเฟ้อสหรัฐฯ ทั้งนี้ พรบ.กู้เงิน 5 แสนลบ. อยู่ในขั้นรอการตีความของกฤษฎีกาว่าขัดต่อกฎหมายหรือไม่ กรณีรัฐธรรมนูญมาตรา 140 และ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง มาตรา 53 ที่ระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของไทยปรับตัวขึ้น 6bps. เป็น 3.14% เมื่อวันศุกร์หลังการประกาศรายละเอียดโครงการ Digital wallet

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) มูดีส์ (Moody’s) ปรับลดมุมมองต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ลงสู่ “เชิงลบ” จากเดิมที่ “มีเสถียรภาพ” โดยอ้างถึงการขาดดุลทางการคลังที่มากมายและการลดลงของความสามารถในการชำระคืนหนี้สิน ขณะที่การปรับลดเรตติ้งจากปัจจุบันที่ Aaa จะมีความเป็นไปได้ในระยะกลาง ทั้งนี้ Fitch ได้ปรับลดเรตติ้งของรัฐบาลสหรัฐฯ ลงจาก AAA- มาเป็น AA+ ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเป็นเครดิตเรตติ้งเดียวกันกับเอสแอนด์พี (S&P) ที่ได้ให้อันดับเรตติ้งของรัฐบาลสหรัฐฯ ไว้ที่ AA+ ตั้งแต่ปี 2554 ล่าสุด US10Y bond yield ปรับขึ้น 2.4bps. เช้านี้เป็น 4.65%

2.) โครงการดิจิทัลวอลเล็ตรูปแบบล่าสุดคาดว่าจะอัดฉีดเงิน 6 แสนลบ.เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งสูงกว่าแผนเดิมที่ 5 แสนลบ. ที่แจกจ่ายผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนใหม่ ประกอบด้วย 5 แสนลบ. สำหรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับประชาชน 50 ล้านคน และ 1 แสนลบ. สำหรับโครงการ “e-Refund” ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้สูงที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ตสามารถรับคืนภาษีได้สูงสุด 50,000 บาทในการซื้อสินค้าจากร้านค้าที่จดทะเบียนภาษี ทั้งนี้เรามีมุมมองเชิงบวกจากการอัดฉีดทางการคลังที่มากขึ้นและครอบคลุมมากขึ้นในแง่ของพื้นที่และขนาดธุรกิจที่จะได้รับประโยชน์ เราคาดว่าจะเห็นการกดดันจากตลาดในระยะ S-T จากความกังวลเรื่องหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น แต่คาดว่าจะได้ผลดีจากการเติบโตของ GDP ที่ 4-5% ในปี 2567

3.) “บุ๊คกิ้งดอทคอม” ชี้คนออกเดินทางท่องเที่ยวสวนทางภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ยอดจองห้องพักทั่วโลกไตรมาส 3/66 พุ่งแซงหน้าก่อนโควิด-19 ถึง 24% สงครามอิสราเอล-ฮามาส/รัสเซีย-ยูเครนกระทบสั้น ขณะที่ประเทศไทยรับอานิสงส์นักท่องเที่ยวต่างชาติมองค่าครองชีพต่ำ ประเด็นที่รัฐบาลไทยประกาศยกเว้นการตรวจลงตรา หรือวีซ่าฟรีให้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ 4 ประเทศสร้างผลตอบรับเชิงบวก ในมุมของนักท่องเที่ยวจีน เห็นแนวโน้ม การเร่งตัวของการจองในช่วงวันหยุดยาววันชาติจีน (โกลเด้นวีก) แต่หลังจากนั้นอัตราการจองกลับลดลง ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ

4.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เข้าพบนายกฯ กลางเดือนนี้ เสนอโมเดล LTF-ต่ออายุ SSF-ปรับเกณฑ์ถือต่ำกว่า 10 ปี-ออกมาตรการหนุนกอง ESG “ส.นักวิเคราะห์” เชื่อ ช่วยลดความผันผวนพร้อมดันตลาดทุนไทยมีเสถียรภาพ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,425 จุด รอประเมินทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย โดยเฉพาะตัวยาวคือ 10 ปี ล่าสุดปรับขึ้น 6bps. เป็น 3.14% ตามลำดับ หลังรัฐบาลเปิดเผยว่าจะออกพรบ. กู้เงิน 5 แสนลบ. เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ทั้งนี้ปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) การรายงานผลประกอบการ 3Q23 ของไทย 2.) ตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ต.ค. โดยตลาดคาดว่าจะขยายตัว +0.1% MoM และ +3.3% YoY 3.) การพบปะของผู้นำสหรัฐฯ และจีนในการประชุมสุดยอดผู้นำ APEC คืนวันพุธนี้ 4.) การ review หุ้นเข้าออก MSCI ในวันที่ 14 พ.ย.

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

BGRIM (ราคาพื้นฐาน 31.50 บาท) จาก กกพ. เคาะ 3 ทางเลือกค่าไฟรอบ ม.ค.-เม.ย. 2567 ต่ำสุด4.68 สูงสุด 5.95 เหตุใช้หนี้ กฟผ. 95,777 ล้าน และราคา LNG โลกขึ้น จากปัจจุบันที่ 3.99 บาท ซึ่งหากรัฐบาลต้องการตรึงค่าไฟต่อต้องใช้เงินอุดหนุนอีก 41,400 ลบ. ทั้งนี้มองว่าหากมีการปรับขึ้นค่า Ft จะเป็นบวกกับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP

ADVANC (ราคาพื้นฐาน 240.57 บาท) จาก กสทช โหวต 4:1 อนุญาตควบรวม AIS-3BB ส่งผลให้ เราคงมุมมองบวกต่อกลุ่มจากการรวมตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ และอินเตอร์เน็ตบ้านจากโครงสร้างตลาดที่เกิดความสมดุลที่ดี หลังดีลรายการนี้ ADVANC (รวม TTTBB) จะกลายมาเป็นผู้นำในตลาด FBB ด้วยจำนวนลูกค้าที่ 4.69 ล้านรายและรายได้ต่อไตรมาสที่ 7.1 พันลบ. หรือคิดเป็นส่วนแบ่งจำนวนลูกค้าที่ 42% และส่วนแบ่งรายได้ที่ 47% ตามมาด้วย TRUE (34%/37%)

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันจันทร์ ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่น (Producer Price Index – PPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 2.0% YoY และการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯระยะอายุ 3 และ 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยรอบประมูลก่อนหน้าอยู่ที่ 5.28% และ 5.26% ตามลำดับ
  • วันอังคาร ติดตาม ตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นเศรษฐกิจของเยอรมัน (Zew Economic Sentiment) เดือนพ.ย. ตลาดคาดที่ 2.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -1.1 ต่อด้วยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) เดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ +3.3% YoY และ +0.1% MoM ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ +4.1% YoY และ +0.3% MoM
  • วันพุธตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน (Industrial Production) เดือนต.ค. ตลาดคาดที่ 4.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ (Retail Sales) เดือนต.ค. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ 2.1% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.8% YoY และตัวเลขดัชนีภาคการผลิต Empire State Manufacturing Index เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ตลาดคาดที่ -2.6 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -4.6
  • วันพฤหัสบดีติดตามตัวเลขดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ (Industrial Production) เดือนต.ค. ตลาดคาดที่-0.5% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 0.1% YoY และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการอสังหาฯ (NAHB Housing Market Index) ของสหรัฐฯ เดือนพ.ย. ตลาดคาดทรงตัวที่ 40 จุดเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
  • วันศุกร์ติดตามตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของยุโรปทั่วไป (Consumer Price Index – CPI) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่2.9% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.3% YoY และดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (core CPI) ตลาดคาดที่ 4.2% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.5% YoY ต่อด้วยตัวเลขขออนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.45 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.47 ล้านยูนิต และจำนวนที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 1.35 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.36 ล้านยูนิต
- Advertisement -