บล.ฟิลลิป:

แลนด์แอนด์เฮ้าส์ – LH 4Q66 รับกำไรจากการขายโรงแรม

Key Point

ด้วย Presale เดือน ต.ค. ที่ทำได้ราว 1,300 ลบ. น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาสก่อน ทำให้ทางฝ่ายฯมีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิ 4Q66 ลง แม้จะมีการฟื้นตัว q-q ได้ก็ตาม แต่ทำให้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 66 และปี 67 อ่อน ตัว y-y ตามลำดับ แต่ด้วยราคาหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำ ยังคงทำให้มี div yield ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอุตฯ เหมาะกับผู้ลงทุนในกลยุทธ์ปันผล ราคาพื้นฐาน 9.50 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”

3Q66 กำไรอ่อนตัว

3Q66 ทำ Presale 5,572 ลบ. -39.6%y-y +39.5%q-q ฟื้นตัวจากผลตอบรับดีจากโครงการ Vive กรุงเทพกรีฑาและบางนา ซึ่งเป็นบ้านระดับราคาสูง แต่จะโอนได้ใน 4Q66 และด้วย backlog ยกมาที่ลดลงเหลือ 2,449 ลบ. ทำให้มียอดโอน 4,451 ลบ. -40.7%y-y-11.2%q-q GPM อสังหาฯ 26.3% – 570bpsy-y -270bps q-q จากทั้ง direct cost และ indirect cost (จากผลเสียหายจากการก่อสร้าง ซึ่งเป็นเพียงปัจจัยชั่วคราว) ส่วนรายได้ให้เช่ายังเติบโต y-y และ q-q จากนักท่องเที่ยวที่ทยอยเข้ามา SG&A to sale 21.5% เพิ่มขึ้น y-y และ q-q จากค่าโฆษณา และมีจ่ายภาษีซื้อที่ดินเพิ่มขึ้น มีกำไรสุทธิ 1,185 ลบ. 47.3%y-y -18.2%q-q รวม 9M66 กำไรสุทธิ 3,989 ลบ. -36.9%y-y

4Q66 ฟื้นตัว q-q

4Q66 เปิดโครงการ 8 โครงการ มูลค่า 29,685 ลบ. มีคอนโด 1 โครงการ “วันเวลา ณ เจ้าพระยา” มูลค่า 15,000 ลบ. Presale 31.5% ถือว่าขายได้ดี สินค้าตอบโจทย์ด้านทำเลและมีการปรับขนาดห้องตามความต้องการของดีมานด์ ในเดือน ต.ค. มี presale รวมที่ 6,100 ลบ. (เป็นแนวสูงราว 4,800 ลบ.) แม้สภาพตลาดฯยังไม่ดีเท่าที่ควร แต่ LH มี backlog ยกมาที่เพิ่มขึ้นที่ 3,380 ลบ. คาดว่าส่วนนี้จะช่วยให้ยอดโอนฟื้นตัว q-q ทำ GPM ดีขึ้น q-q จากการโอน Vive เป็นโครงการระดับราคาสูง และยังมี Grand center point-สุรวงศ์ ที่จะเปิดปลายเดือน พ.ย. และมีกำไรพิเศษจากขายโรงแรม 2 แห่งเข้า REIT (L-Hotel) ราว 1,900 ลบ. สุทธิหลังภาษี ซึ่งจะทำให้กำไรสุทธิเติบโต y-y และ q-q แต่อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายฯได้มีการปรับกำไรสุทธิปี 66 เนื่องจาก Presale แนวราบในเดือน ต.ค. ราว 1,300 ลบ. ซึ่งอ่อนตัวกว่าค่าเฉลี่ยไตรมาสก่อน

ปี 67 คาดการณ์อ่อนตัว y-y

ปัจจุบันสต๊อกแนวราบระดับราคามากกว่า 50 ลบ. เหลือ 3% ของพอร์ต ลดลงจาก 8% ในปีก่อน ทำให้ปี 67 จำเป็นต้องเปิดโครงการส่วนของแนวราบระดับราคาสูงเพิ่มขึ้น และมีบางโครงการอยู่ในโซนบางนา ซึ่งเป็นทำเลที่ดีลำดับต้นๆในเขตกรุงเทพฯ แต่อาจจะยังไม่เห็นคอนโดเพิ่มเติมในปีหน้า ทางฝ่ายหมองว่าภาพการขายอสังหาฯในปีหน้าจะดีขึ้น จากการเน้นโครงการระดับราคาสูงเพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น y-y และคาดว่าจะมีขายสินทรัพย์เข้า REIT ในโครงการ Terminal21-พัทยา เพิ่มอีก 1 โครงการ แต่น้อยกว่าปี 66 ที่ขายโรงแรม 2 โครงการ ทำให้มีกำไรจากการขาย สินทรัพย์ลดลง y-y ทางฝ่ายฯจึงปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 67 ลง ทำให้อ่อนตัว y-y

ราคาพื้นฐานปี 67 ที่ 9.50 บาท/หุ้น อิง PE 14.5 เท่า

ทางฝ่ายฯ ประเมินราคาหุ้น โดยใช้ PE เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี ที่ 14.5 เท่า ปรับราคาพื้นฐานปี 67 ลงมาที่ 9.50 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นอยู่ในระดับต่ำ ยังคงทำให้ LH มีจุดเด่นในในด้าน Div. yield ปี 66 ที่ 6.9% ยังสูงกว่าค่าเลี่ยในอุตสาหกรรม เหมาะกับการลงทุนในกลยุทธ์ปันผล คงคำแนะนำ “ซื้อ”

ความเสี่ยง

  1. อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ/อัตราการจ้างงาน/อัตราดอกเบี้ย
  2. ทำเลที่ตั้ง,ลักษณะโครงการ ความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดที่อยู่อาศัย
  3. นโยบายลงทุนภาครัฐฯ
- Advertisement -