วันนี้คาดตลาด “Rebound”
แนวรับ 1,380 / 1,373 แนวต้าน 1,400 / 1,410
คาดเด้งตามตลาดต่างประเทศรับ CPI สหรัฐ ออกมาต่ำกว่าคาด กระตุ้นความหวัง FED การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการออก Thailand ESG Fund เพื่อลดหย่อนภาษี คาดในระยะแรกจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่มี ESG Rating AAA
Our View? “เด้งบ้างอะไรบ้าง”
คาดตลาดวันนี้ “Rebound” มองแนวรับที่บริเวณ 1,380 / 1,373 และแนวต้านที่บริเวณ 1,400 / 1,410 คาดตลาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากทิศทางตลาดต่างประเทศห ลังเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ให้ความสำคัญออกมาที่ระดับ +0.0%MoM / +3.2%YoY ขณะที่ตัวเลข Core CPI ออกมาที่ระดับ +0.2%MoM / +4.0%YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ และยังเป็นภาพการชะลอตัวลงต่อเนื่อง กระตุ้นความหวังเกี่ยวกับแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปีหน้า กดดันทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US-Bond Yield) อ่อนตัวลงตามที่เราคาดไว้ โดยล่าสุดรุ่นอายุ 10 ปี เช้านี้อยู่ที่ระดับ 4.44%+/- อ่อนตัวลงแรงทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้น อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าลงเร็วล่าสุดอยู่ที่ระดับ 104.0 พร้อมทั้งดัชนี VIX Index เช้านี้พยายามทำจุดต่ำสุดใหม่ในภาพระยะสั้นที่ระดับ 14.16 สะท้อนตลาดเริ่มกลับมาเปิดรับความเสี่ยงได้มากขึ้น (Risk-On) เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. เมื่อคืนนี้พยายามรีบาวด์ขึ้นต่อ แต่เริ่มชะลอกำลังลงบ้างแล้ว กลับมาปิดทรงตัวที่ระดับ 78.26 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.00 ดอลลาร์ (+0.00%) คาดในระยะแรกได้รับแรงหนุนจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมัน อย่างไรก็ตามเรา ยังคงมุมมองอุปทานน้ำมันในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงคาดยังจำกัด Upside ของราคาน้ำมันได้อยู่
สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการออกกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ กำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 1แสนบาท/ราย (ไม่นับรวมกองทุนเพื่อการออมอื่นๆ) มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big-Mid Cap ที่มี ESG Rating ระดับ AAA 34 บริษัท อาทิ ADVANC, CPALL, CPAXT, CRC, KBANK, OR, PTT, PTTEP, PTTGC, SCC, SCGPฯลฯ แต่เราไม่คาดว่าเม็ดเงินจากการลงทุนใน TESG จะเข้ามาเร็ว คาดต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง ขณะที่เรายังมีมุมมองการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยจะแจกผู้มีรายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท หรือมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท ใช้จ่ายภายในอำเภอ ครอบคลุมผู้มีสิทธิ์ราว 50 ล้านราย ใช้งบประมาณราว 5 แสนล้านบาท เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME และ CRC) ที่คาดจะได้เป็นประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ยังต้องติดตามการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน สำหรับโครงการดังกล่าวคาดยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูงคาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ
อย่างไรก็ตามเรายังมีความกังวลต่อการทยอยเปิดเผยผลประกอบการ 3Q’66 ออกมาเรายังไม่เห็นสัญญาณในการปรับประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทยขึ้น โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาด EPS ปี’66 อยู่ที่ระดับเพียง 85.7 บาท/หุ้น อ่อนตัวลงต่อเนื่องเรามองเป็นปัจจัยส่งผลกระทบเชิงลบต่อความน่าสนใจในเชิง Valuation ของตลาดได้ต่อ
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “EPG”
- ผลประกอบการ 2Q’66/67 ออกมาแข็งแกร่ง ธุรกิจอะไหล่ยานยนต์เติบโต รวมทั้งส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมปรับตัวขึ้นโดดเด่น ขณะที่ราคา EPG ณ ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ Fwd PE เพียง 15.0 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ระดับ 17.0 เท่า ทำให้เรามองว่า EPS มี Upside ในเชิง Valuation
- ทางเทคนิค ราคาปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลง ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
- แนะนำ “ทยอยซื้อสะสม” แนวรับ 7.10 / 6.90 Target 7.40 / 7.75 Stop <6.80