ECF โชว์งบ Q3/66 รายได้รวม 392.78 ล้านบาท กำไรสุทธิ 26.92 ล้านบาท โตพุ่ง 178.38 % แนวโน้มธุรกิจ Q4/66 โตต่อเนื่อง ไฮซีซั่นธุรกิจ

ECF เผยผลประกอบการไตรมาส 3/66 รายได้รวม 392.78 ล้านบาท กำไรสุทธิ 26.92 ล้านบาท โตแรง 178.38 % ทิศทางไตรมาส 4/66 เติบโตดี ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าไฮซีซั่น ออเดอร์ส่งออกลูกค้าญี่ปุ่น อินเดีย อเมริกา ปรับตัวดีขึ้น การขยายฐานลูกค้าในประเทศเริ่มเห็นผล ดันยอดขายพุ่ง

นายพชรฐณพงษ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ และรายได้ของบริษัทย่อย 379.59 ล้านบาท และมีรายได้รวมทั้งสิ้น 392.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 357.17 ล้านบาท จำนวน 35.62 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.97% และมีกำไรสุทธิ 26.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 9.67 ล้านบาท จำนวน 17.25 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 178.38 %

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2566 มีรายได้จากการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ และรายได้ของบริษัทย่อยเท่ากับ 1,008.76 ล้านบาท และมีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,043.58 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 7.60 % และ 7.65 % ตามลำดับ และมีขาดทุนสุทธิ 85.54 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการไตรมาส 3/66 ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากรายได้จากการขายของไตรมาสที่ 3 เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 34 ล้านบาท หรือประมาณ 10% และเป็นไตรมาสที่มีรายได้ขายสูงสุดของปี 2566 มาจากการเติบโตของยอดขายลูกค้าในประเทศเป็นสำคัญ ประกอบกับส่งออกมีสัญญาณทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ มีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าระหว่างการส่งออก 41.78 % และภายในประเทศ 58.22 % ซึ่งการจำหน่ายสินค้าภายในประเทศเพิ่มขึ้น 23.31 % ขณะที่รายได้รวมส่วนของบริษัท งวด 9 เดือนปี 66 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องมาจากยอดขายต่างประเทศลดลง โดยสัดส่วนการส่งออกลดลง 29.42 % ประกอบกับต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น

และ สืบเนื่องจากเหตุการณ์อัคคีภัยที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2566 ได้แก่ รายการค่าใช้จ่ายอื่น – ขาดทุนจากอัคคีภัย ซึ่งเป็นรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-time Loss) นั้น ขณะนี้ตัวเลขดังกล่าวจำนวน 109.55 ล้านบาท (รวมค่ารื้อถอน/ขนย้ายทรัพย์สิน 1 ล้านบาท) ได้รับการเจรจาและตกลงชดเชยกับบริษัทประกันภัยได้ในไตรมาสที่ 3 นี้ ที่จำนวน 93.28 ล้านบาท จึงทำให้รับรู้ผลเสียหายสุทธิคงเหลือที่มูลค่า 16.27 ล้านบาท สำหรับงวด 9 เดือน ปี 2566

นายพชรฐณพงษ กล่าวต่อว่า แนวโน้มธุรกิจช่วงไตรมาส 4/66 จะเติบโตดีกว่าไตรมาส 3/66 และน่าจะมีสัญญาณดีขึ้น จากเศรษฐกิจและกำลังซื้อค่อย ๆ ฟื้นตัว ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ อีกทั้งการขยายตลาดในประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดต่างประเทศ กลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นและกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่บริษัทขยายฐานการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปประเทศอินเดีย และสหรัฐอเมริกา ยังคงมียอดคำสั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องและคาดว่าปีหน้าจะเห็นคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในปีหน้า ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป

 

- Advertisement -