วันนี้คาดตลาด “Sideways”

แนวรับ 1,410 / 1,400 แนวต้าน 1,415 / 1,432

ยังได้รับปัจจัยบวกจากความคาดหวัง FED ยุติการขึ้นดอกเบี้ย ตามตัวเลข CPI และ PPI ของสหรัฐชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม น้ำมันดิบอ่อนตัวลงอีกครั้ง ถ่วงหุ้นในกลุ่มพลังงานได้บ้าง สำหรับภายในประเทศยังต้องติดตาม พรบ. กู้เงิน 5 แสนล้านต่อ

Our View? “จะขึ้นต่อต้องสู้”

คาดตลาดวันนี้ ‘Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,410 / 1,400 และแนวต้านที่บริเวณ 1,415 / 1,432 คาดตลาดยังได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)เดือน ต.ค. ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด โดยเมื่อคืนนี้ตัวเลข PPI เดือน ต.ค. ของสหรัฐออกมา – 0.50%MoM / +1.3% YoY ต่ำกว่าที่ตลาดคาด และอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่ตัวเลขยอดค้าปลีกเดือน ต.ค. สะท้อนถึงเงินเฟ้อทั้งฝั่งผลิตและผู้บริโภคชะลอตัวลงต่อเนื่อง พร้อมกับตัวยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือน ต.ค. ออกมาที่ระดับ -0.1% MoM แม้ออกมามากกว่าคาด แต่สะท้อนกำลังซื้อในสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง กระตุ้นความหวัง ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงปีหน้า คาดยังเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ธ.ค. เมื่อคืนนี้อ่อนตัวลงปิดที่ระดับ 76.66 ดอลลาร์/บาร์เรล -1.60 ดอลลาร์ (-2.04%) ได้รับแรงกดดันจากการรายงานตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.59 ล้านบาร์เรล อีกทั้งเรายังคงมุมมองอุปทานน้ำมันในปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูง โดยสหรัฐผลิตน้ำมันดิบเดือนต.ค. ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 13.2 ล้านบาร์เรล/วัน คาดยังกดดัน-จำกัด Upside ของราคาน้ำมันได้อยู่

สำหรับปัจจัยภายในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการออกกองทุน Thailand ESG Fund (TESG) เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีได้ กำหนดระยะเวลาลงทุน 8 ปีเต็ม วงเงินลงทุนไม่เกิน 1แสนบาท/ราย (ไม่นับรวมกองทุนเพื่อการออมอื่นๆ) มองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Big-Mid Cap ที่มี ESG Rating ระดับ AAA 34 บริษัท อาทิ ADVANC, CPALL, CPAXT, CRC, KBANK, OR, PTT, PTTEP, PTTGC, SCC, SCGP ฯลฯ แต่เราไม่คาดว่าเม็ดเงินจากการลงทุนใน TESG จะเข้ามาเร็ว คาดต้องใช้เวลาในระยะหนึ่ง ขณะที่เรายังมีมุมมองการชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทของรัฐบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะแจกผู้มีรายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นบาทหรือมีเงินฝากต่ำกว่า 5 แสนบาท ใช้จ่ายภายในอำเภอ ครอบคลุมผู้มีสิทธิ์ราว 50 ล้านราย ใช้งบประมาณราว 5 แสนล้านบาท เรามองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL, BJC, HMPRO, GLOBAL, DOHOME และ CRC) ที่คาดจะได้เป็นประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ยังต้องติดตามการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้าน สำหรับโครงการดังกล่าวคาดยังมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง คาดจะเป็นปัจจัยจำกัด Upside ของหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ

อย่างไรก็ตามเรายังมีความกังวลต่อการทยอยเปิดเผยผลประกอบการ 3Q’66 ออกมา เรายังไม่เห็นสัญญาณในการปรับประมาณการ EPS ของตลาดหุ้นไทยขึ้น โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาด EPS ปี 66 อยู่ที่ระดับเพียง 85.1 บาท/หุ้น อ่อนตัวลงต่อเนื่อง เรามองเป็นปัจจัยส่งผลกระทบเชิงลบต่อความน่าสนใจในเชิง Valuation ของตลาดได้ต่อ

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้ “BGRIM”

  • ผลกำไรจากการดำเนินงานปกติในช่วง 3Q’66 ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP และอัตราการทำกำไรระหว่างค่า Ft. และต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ขณะที่คาดค่า Ft. มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งในช่วง ม.ค. – เม.ย. ’67 คาดจะหนุนทิศทางผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นได้
  • ทางเทคนิค ราคาฟื้นตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น พร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
  • กลยุทธ์ แนะนำ “เล่นรีบาวด์” แนวรับ 24.00 / 23.70 Target 26.00 / 26.50 Stop < 23.20

- Advertisement -