KS Daily View 21.11.2023 >>> Nasdaq ทำจุดสูงสุดในรอบ 22 เดือน ผลักดันจากธีม AI คาดดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,410-1,425 จุด หุ้นแนะนำ DELTA, DOHOME

สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน

ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA +0.58%, S&P 500 +0.74%, NASDAQ +1.13%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ IT (+1.50%), Communication Services (+2.54%), Real Estate (+0.80%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Utilities (-0.31%), Consumer Staples (-0.01%) เป็นต้น

ในประเทศ: SET Index +3.66 จุด หรือ +0.26% ปิดที่ 1,419.44 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ JMART (+9.21%), STGT (+5.60%), JMT (+4.72%), AWC (+4.40%)เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ TQM (-3.42%), AURA (-3.23%), TLI (-2.83%), PLANB (-2.42%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,410 – 1,425 จุด จาก sentiment บวกของ US 10Y bond yield ปรับลดลง 2bps. เป็น 4.42% ขณะที่ US20Y bond yield ปรับลดลง 3bps. เป็น 4.77% หลังผลการประมูลพันธบัตร 20 ปีมีความต้องการมากถึง 2.58x ของที่เสนอขายมากกว่าค่าเฉลี่ยที่ 2.52x นอกจากนี้คาดตลาดได้ sentiment บวกจากดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 1.13% ทำจุดสูงสุดในรอบ 22 เดือน ผลักดันจากหุ้นธีม AI หลัง Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft กล่าวว่า Sam Altman ซึ่งเป็นอดีตCEO ของ OpenAI ที่ถูกไล่ออกเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ได้เข้าร่วม Microsoft เพื่อเป็นผู้นำทีมวิจัย AI ขั้นสูงทีมใหม่ ส่งผลให้ราคาหุ้น Microsoft ปรับตัวขึ้น 2% ทำจุดสูงสุดใน 52 สัปดาห์ นอกจากนี้หุ้น Nvidia เองซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับ AI ก็ปรับตัวขึ้น 2.3% ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนการประกาศงบหลังปิดตลาดสหรัฐฯคืนนี้

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) สภาพัฒน์ ชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว เผยคาดจีดีพีปี 66 ขยายตัว 2.5% ปี 67 ขยายตัว 3.2% หลังส่งออกเริ่มฟื้น ยังไม่ประเมินจีดีพีจาก “ดิจิทัลวอลเล็ต” รอกฤษฎีกาให้ความเห็น

2.) นายกฯเตรียมแถลงแก้หนี้นอกระบบ 28พฤศจิกายนนี้ และแก้หนี้ในระบบ 12 ธันวาคมนี้ โดยในเบื้องต้น รมว.มหาดไทยได้สั่งการนายอำเภอ-ผกก.ทั่วประเทศ สำรวจลูกหนี้ เผยให้เจ้าหนี้-ลูกหนี้มาลงทะเบียนเป็นข้อมูล พร้อมให้ลงพื้นที่สำรวจความเดือดร้อนเรื่องหนี้ของชาวบ้าน มองเป็น sentiment บวกกับกลุ่ม Finance จากโอกาสที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาดมากขึ้นจากการดึงหนี้นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบ

3.) ตลาดหลักทรัพย์เพิ่มความเข้มงวดในการกำกับธุรกรรม SBL เพื่อป้องกัน Naked short โดยให้มีการบันทึก Flag S เข้ามาในระบบซื้อขายด้วย มองเป็น sentiment บวกในเชิงจิตวิทยา เมื่อผสานกับ sentiment หุ้นโลกที่ปรับดีขึ้น คาดอาจเห็นแรงซื้อคืนในหุ้น SET100 ที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมามาก เช่น BYD, JMT, JMART, FORTH, SABUY, HANA, VGI, COM7, DELTA, EA, GUNKUL, SNNP, BGRIM เป็นต้น

4.) จีนและซาอุทำข้อตกลง swap เงินตราสกุลท้องถิ่นระหว่างกัน (RMB vs. SAR) 3 ปี มูลค่าUS$7bn เพื่อลดสัดส่วนการใช้ USD ลงสำหรับสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน สะท้อนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นขึ้นระหว่างจีน และซาอุฯ โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองฝ่ายได้กระชับความร่วมมือทางการเมืองระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจที่แนบแน่นขึ้น เช่น การที่จีนดึงให้ซาอุฯฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน, การลดความขัดแย้งของสงครามอิสราเอล-ฮามาส, การดึงซาอุฯ พร้อมกับอิหร่าน, UAE และอาเจนตินาเข้ากลุ่ม BRICS คาดต้นเดือน ม.ค. 2567 เป็นต้น อย่างไรก็ตาม USD ยังคงเป็นสกุลเงินหลักของโลกคิดเป็นสัดส่วน 58.9% (US$6.576trn) ใน 2Q23 รองลงมาเป็น EUR สัดส่วน 19.9% ขณะที่เงิน RMB ของจีนมีสัดส่วนเพียง 3% ของทุนสำรองระหว่างประเทศ

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,400-1,440 จุด บนความคาดหวัง Soft Landing ของตลาด โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ ได้แก่

1.) ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ต.ค.

2.) Fund flow สะท้อนผ่านทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3% +/-

3.) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค., ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆได้แก่ ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนการกำหนดอัตรดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนพ.ย.ของจีน

4.) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลไทยในด้านต่างๆ เช่น การบริโภค, การท่องเที่ยว, อสังหาฯ, โครงการลงทุนภาครัฐ เป็นต้น

หุ้นแนะนำวันนี้

Top pick:

DELTA (ราคาพื้นฐาน 87 บาท) คาดได้ sentiment บวกจากธีม AI ในต่างประเทศ,แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2566 เป็นบวก และมีโอกาสที่จะยังอยู่ใน SET50 ต่อหากปริมาณการเทรดของหุ้นเฉลี่ยไม่น้อยกว่า 11 ล้านหุ้นต่อวัน หรือมีการทำ big lot เหมือนรอบก่อนจะทำให้ turnover ratio>2%

DOHOME (ราคาพื้นฐาน 13.10 บาท) คาดว่ากำไร 4Q23 ของ DOHOME จะโต YoY และ QoQ จากยอดขายที่สูงขึ้นตามฤดูกาล และ GPM ที่เพิ่มขึ้นตามการลดลงของสต๊อกเหล็กต้นทุนสูง และสัดส่วน product mixed ที่ดีขึ้น

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันอังคาร ติดตามตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง (Existing home sales) เดือน ต.ค. ตลาดคาดที่ 3.93 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.96 ล้านยูนิต ต่อด้วยประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) นาง Christine Lagarde มีกำหนดให้สัมภาษณ์ที่ Berlin และบันทึกผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC minutes) ในช่วงข้ามคืน
  • วันพุธ ติดตามตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐ (Durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.7% MoM และตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนสหรัฐที่ไม่รวมยานยนต์ (Core durable goods orders) สำหรับเดือน ต.ค. ตลาดคาดปรับตัวลดลง 0.3% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 0.5% MoM ปิดท้ายด้วยช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ (University of Michigan – UOM)สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 60.4 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 63.8
  • วันพฤหัสฯ ติดตาม ตัวเลขส่งออก-นำเข้า รวมถึงตัวเลขดุลการค้าของไทยเดือน ต.ค.  ตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของยุโรป สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 43.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 43.1
  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo business climate) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 87.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.9 และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 50 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50
- Advertisement -