บล.บัวหลวง:

Retail Finance – เลือกลงทุนจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดี (UNDERWEIGHT)

เราคาดกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำจะรายงานกำไรสุทธิเติบโต 9% YoY ในไตรมาส 4/66 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 13%ในปี 2567 เราชอบ TIDLOR มากที่สุดในกลุ่ม เนื่องจากกำไร ปี 2567 ขยายตัวเร็วที่สุดและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีที่สุด

คาดกำไรรวมไตรมาส 4/66 เติบโต 9% YoY

เราคาดกำไรสุทธิรวมกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำที่ 5.3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66 เพิ่มขึ้น 9% YoY (การเติบโตของสินเชื่อและอัตราการตั้งสำรองที่ลดลง) แต่ลดลง 5% QoQ (NIM ที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น) เราคาดสินเชื่อจะเติบโต 26% YoY และ 6% QoQ เราคาดอัตราการตั้งสำรองในไตรมาสนี้ที่ 3.7% ลดลง 39bps YoY (การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง) แต่เพิ่มขึ้น 13bps QoQ การเติบโตของสินเชื่อและการตั้งสำรองที่ลดลงจะกลบ NIM ที่ลดลงที่ 14.2% ลดลง 56bps YoY และ 23bps QoQ MTC คาดว่าจะเป็นผู้นำการเติบโตของกำไรไตรมาส 4/66 ที่ 13% YoY ตามมาด้วย TIDLOR (เพิ่มขึ้น 11% YoY), KTC (เพิ่มขึ้น 7% YoY) และ SAWAD (เพิ่มขึ้น 7% YoY)

สำหรับปี 2566 เราคาดกำไรสุทธิรวมที่ 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อจะกลบ NIM ที่ลดลง และการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น สำหรับปี 2567 เราคาดกำไรสุทธิรวมที่ 2.35 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% YoY หนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อ เราคาดว่า TIDLOR จะเป็นผู้นำการเติบโตในปี 2567 ที่ 17% YoY ตามมาด้วย MTC (เพิ่มขึ้น 16% YoY), SAWAD (เพิ่มขึ้น 11% YoY) และ KTC (เพิ่มขึ้น 10% YoY)

คุณภาพสินทรัพย์จะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567

สัดส่วนหนี้เสียต่อสินเชื่อรวมเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 2.48% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 มาอยู่ที่ 2.51% ณ สิ้นเดือน ก.ย. อัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียเฉลี่ยปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 184.2% ณ สิ้นเดือน มิ.ย. มาอยู่ที่ 180.3% ณ สิ้นเดือนก.ย. ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงคุณภาพสินทรัพย์กลุ่มการเงินรายย่อย ที่เราให้คำแนะนำแย่ลงเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 3/66 เนื่องจาก KTC และ SAWAD อย่างไรก็ตาม คุณภาพของสินทรัพย์ของ MTC และ TIDLOR มีความแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับในระหว่างไตรมาสดังกล่าว เนื่องจากมีการปรับเกณฑ์คัดกรองสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้นในปี 2566 เราคาดการเติบโตของ GDP ในปี 2567 อยู่ที่ 3.8% YoY หนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2567

กำไรรวมไตรมาส 3/66 สูงกว่าที่เราคาด แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด

หุ้นกลุ่มการเงินรายย่อยทั้ง 4 บริษัทที่เราให้คำแนะนำ รายงานกำไรสุทธิรวมไตรมาส 3/66 อยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท (รูปที่ 1-9) เพิ่มขึ้น 9%YoY และ 9%QoQ กำไรรวมมากกว่าที่เราคาด 7% แต่เป็นไปตามที่ตลาดคาด อิงจาก Bloomberg กำไรสุทธิของ SAWAD, MTC และ TIDLOR สูงกว่าที่เราคาด โดยหลักมาจาก NIM และ การตั้งสำรองที่ดีกว่าที่เราคาด กำไรของ KTC เป็นไปที่เราคาด

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิรวมปี 2566 ของกลุ่มการเงินรายย่อยที่เราให้คำแนะนำ ขึ้น 2%  เนื่องจากเราปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ SAWAD ขึ้น 9% เนื่องจากการคาดการณ์ NIM ที่ขยายตัวและสมมติฐานอัตราการตั้งสำรองที่ลดลงจากเดิม นอกจากนี้เรายังปรับเพิ่มประมาณการกำไรรวมปี 2567 ขึ้น 2% เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ของ KTC, MTC และ TIDLOR ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

- Advertisement -