บล.ฟิลลิป:
STGT ซัพพลายในตลาดยังสูงกว่าดีมานด์
IAA Consensus TP’66 : 6.20
3Q66 มีรายได้ลดลง y-y และ q-q แต่ทำ GPM ได้ดีขึ้น ทำให้มีกำไรจากการดำเนินงานเติบโตโดดเด่นและฟื้นตัวได้สูง ในขณะที่ 4Q66 คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้น q-q แต่จะโดนกดดันเรื่องต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจปรับราคาขายเพิ่มได้ไม่ทัน เนื่องจากตลาดฯ ยังมีการแข่งขันราคากันอยู่ ปัจจุบันซัพพลายในตลาดยังคงสูงกว่าดีมานด์ คาดจะค่อยๆ กลับสู่สมดุลในปี 68
- 3Q66 ทำ GPM ได้ดี: 3Q66 มีปริมาณขายและราคาขายเฉลี่ยที่ลุดลง ทำให้มีรายได้ 4,741.0 ลบ. -2.9%y-y -5.9%q-q แต่ราคาขายปรับลดลงน้อยกว่าต้นทุนที่ลดลงทำให้ GPM ปรับตัวดีขึ้นที่ 12.6% +110bps y-y +220bps q-q กำไรจากการดำเนินงานหลัก 82.2 ลบ. +373.9%y-y +243.0%q-q ถือว่าไตรมาสนี้ฟื้นตัวได้สูง แต่เสียอัตราภาษีที่สูงขึ้นจาก Product mix ที่ไปผลิตโรงงานเก่าที่หมด BOI และมีภาษีรอตัดค่อนข้างเยอะในไตรมาสนี้ ทำให้ดึงกำไรสุทธิลงมาที่ 47.4 ลบ. +117.6%y-y +212.5%q-q
- คาด 4Q66 โดนต้นทุนกดดัน: 4Q66 คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้น q-q จากมีคำสั่งซื้อบางส่วนใน 3Q66 เลื่อนส่งไปยัง 4Q66 ในขณะด้านต้นทุนจะเพิ่มขึ้นจากต้นทุนยางธรรมชาติ +5-10%q-q ต้นทุนยางสังเคราะห์ +15-20%q-q ซึ่งมองว่าราคาขายเฉลี่ยอาจปรับเพิ่มได้ไม่ทันต้นทุน เนื่องจากตลาดฯยังมีการแข่งขันราคากันอยู่ คาด GPM อ่อนตัว q-q และจะมีรายได้อื่นจากรับเงินคืนดอกเบี้ยจาก กยท. เพิ่มอีกราว 90 ลบ.
- ซัพพลายในตลาดยังมีสูงกว่า: ภาพปี 66 ปริมาณขายยังเติบโตได้ y-y แต่โดนกดดันจากด้านราคา ทำให้รายได้และ GPM อ่อนตัว กำไรสุทธิอ่อนตัว y-y ปัจจุบันระดับสินค้าของลูกค้ากลับมาอยู่ในระดับปกติและมีความระมัดระวังในการสั่งซื้อเพิ่ม ทำให้ระยะเวลาการสั่งซื้อล่วงหน้าลดลงเหลือ 2-3 เดือน ในช่วง 3Q66 เริ่มเห็นผู้ผลิตถุงมือรายใหญ่บางเจ้าเริ่มมีกำไรใน 3Q66 แล้ว จากที่ขาดทุนกันทุกเจ้าในช่วงก่อนหน้า ซัพพลายในตลาดยังคงมีเยอะอยู่ คาดจะค่อยๆกลับสู่สมดุลในปี 68