บล.บัวหลวง:
PTG Energy (PTG TB / PTG.BK)
PTG – แนวโน้ม 4Q23 เติบโตดีทั้งธุรกิจ Oil และ Non-Oil
การเติบโตของทั้งธุรกิจ Oil และธุรกิจ Non-Oil หนุนโดยช่วงไฮซีซันและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง น่าจะหนุนการเติบโตของกำไรสุทธิใน 4Q23 และในปี 2024 ของ PTG และน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นรวมทั้งมีอัพไซด์จาก M&A นอกจากนั้น Valuation ยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
ธุรกิจ Oil-ปริมาณขายเติบโตดี YoY ใน 3Q23 แต่กำไรขั้นต้นถูกกดดัน คาด 4Q23 ฟื้นตัว
ใน 3Q23 ปริมาณขายน้ำมันของ PTG เติบโต 10% YoY (สูงกว่าตลาดโดยรวมที่เติบโตเพียง 1% YoY) เป็น 1,406 ล้านลิตร หนุนโดยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยและการขยายสถานีบริการน้ำมันอย่างต่อเนื่องใน 3Q23 บริษัทเปิดสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้นอีก 10 แห่งจาก 2Q23 เป็น 2,176 แห่ง อย่างไรก็ตามปริมาณขายน้ำมันลดลง 8% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล ในด้านกำไร กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Oil ปรับตัวลดลง 8% YoY เนื่องจากมาตรการควบคุมราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐและลดลง 4% QoQ จากปริมาณขายน้ำมันที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล สำหรับแนวโน้ม 4Q23 คาดว่าปริมาณขายจะเติบโต double digit ทั้ง YoY และ QoQ จากช่วงไฮซีซั่นและการขยายสถานีบริการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ค่าการตลาดเฉลี่ยคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น QoQ มาอยู่ที่ระดับประมาณ 1.90 บาท/ลิตร จากประมาณ 1.66 บาท/ลิตรใน 3Q23
ธุรกิจ Non-Oil-ยอดขายและกำไรขั้นต้นเติบโตต่อเนื่องใน 3Q23-4Q23
ใน 3Q23 ยอดขายของธุรกิจ Non-Oil เติบโต 35% YoY และ 3% QoQ โดยมีปัจจัยหนุนหลักมาจาก: 1) การเติบโตของธุรกิจ LPG (ปริมาณขายเติบโต 22% YoY และ 4% QoQ เป็น 161 ล้านลิตร หนุนจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ Auto LPG และกลุ่มลูกค้าครัวเรือนและอุตสาหกรรม) และ 2) การเติบโตของ ธุรกิจกาแฟพันธุ์ไทย ซึ่งรายได้เติบโต 42% YoY และ 10% QoQ หนุนโดยการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ใน 3Q23 บริษัทเปิดสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยเพิ่มขึ้นอีก 53 แห่งจาก 2Q23 เป็น 756 แห่ง และการเติบโตของ same-store-sales PTG ยังคงขยายสาขาของธุรกิจ Non-Oil อย่างต่อเนื่อง (ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านกาแฟคอฟฟี่ เวิลด์, ร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ศูนย์บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษารถยนต์ Autobacs, ศูนย์เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง Maxnitron Lube Change, จุดพักรถ Max Camp, สถานีซาร์จ EV) โดย ณ 3Q23 บริษัทมีสาขาของธุรกิจ Non-Oil รวม 1,892 สาขา เพิ่มขึ้น 87 สาขาจาก 2Q23 ณ 3Q23 กำไร ขั้นต้นจากธุรกิจ Non-Oil คิดเป็นสัดส่วน 23% ของกำไรขั้นต้นรวม (เพิ่มขึ้นจาก 19% ใน 3Q22 และ 21% ใน 2Q23) สำหรับแนวโน้ม 4Q23 คาดว่ายอดขายและกำไรของธุรกิจ Non-Oil จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง
คงเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Oil แต่ปรับลดเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจ Non-Oil สำหรับปี 2023
สำหรับเป้าหมายปี 2023 ในส่วนของธุรกิจ Oil บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของปริมาณขายน้ำมันไว้ที่ 10-15% YoY (YTD เติบโต 13% YoY) และคงเป้าหมายค่าการตลาดเฉลี่ยไว้ที่ราว 1.70-1.80 บาท/ลิตร โดยบริษัทยังคงเป้าหมายการขยายสถานีบริการไว้ตามเดิมที่ 2,206 แห่งในปี 2023 ในส่วนของธุรกิจ Non-Oil บริษัทปรับลดเป้าหมายการขยายสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยลงเหลือ 900 สาขา (จากเดิม 1,200 สาขา) เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่เอื้ออำนวย สำหรับเป้าหมายการขยายสาขาของธุรกิจ Non-Oil อื่นๆ บริษัทยังคงไว้ตามเดิม จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทปรับลดเป้าหมายการเติบโตของยอดขายธุรกิจ Non-Oil เหลือ 50-60% YoY ในปีนี้ (จากเดิม 75-85%) แต่ยังคงเป้าหมายสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil ไว้ที่ 20-30% ตามเดิม (YTD 21% ของกำไรขั้นต้นรวม) จากการทบทวนเป้าหมายดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทปรับลดงบลงทุนสำหรับปี 2023 ลงเหลือ 3,000-4,000 ล้านบาท (จากเดิม 4,000-5,000 ล้านบาท)
Valuation อยู่ในระดับน่าสนใจ
Valuation อยู่ในระดับที่สนใจ โดยตลาดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2024 ที่ 1.1 พันล้านบาท (EPS ที่ 0.66 บาท) (เพิ่มขึ้น 50% YoY) มีอัพไซด์จาก M&A (เป็น operating asset) ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนในเร็วๆนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันคิดเป็น PER ปี 2024 ที่ 13.1 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 20.1 เท่า อยู่ 35%) เรามองเป็นระดับน่าสะสม อย่างไรก็ตามความเสี่ยงที่สำคัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบายของภาครัฐ
Bloomberg Consensus: ตลาดมองราคาเป้าหมายเฉลี่ย 10.21 บาท (ช่วง 7.20-18.80 บาท) และให้คำแนะนำซื้อ 57% ถือ 29% ขาย 14%
Technical view: โครงสร้างราคาหุ้น sideway down แนวรับ 8.00-8.30 แนวต้าน 9.50-10.00 (ตัดขาดทุน 7.70)