บล.กรุงศรีฯ

FOOD & BEVERAGE SECTOR – ไม่ได้รับผลกระทบจากรคาน้ำตาลมากนัก (POSITIVE)

รัฐบาลไทยอนุมัติให้ขึ้นราคาขายน้ําตาลในประเทศ 2 บาท/กก. หรือ 10.5% (จาก 19 บาท/กก.) โดยมีผลทันที ทั้งนี้ เนื่องจากการบริโภคน้ําตาลในตลาดส่งออกจะอ้างอิงกับราคาในตลาดโลก ซึ่งเราคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 29% yoy ในปี 2024F ดังนั้น บริษัทที่มีรายได้จากการส่งออกสูง อย่างเช่น SAPPE (สัดส่วนรายได้จากการส่งออก 80%) จะได้รับผลกระทบมากกว่า เราทําการประเมินผลกระทบต่อบริษัทในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และปรับลดราคาเป้าหมายของ CBG ลง 4.8% เหลือ 93.60 บาท, ของ OSP ลง 2.2% เหลือ 35.70 บาท และของ KCG ลง 1.6% เหลือ 11.80 บาท นอกจากนี้ เรายังปรับเพิ่มคําแนะนํา KCG เป็นซื้อ (ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท) จากแนวโน้มกําไรท่ียังดี ในขณะที่มองว่าราคาหุ้นที่ย่อลงมาถึง 16.5% ในรอบหน่ึงเดือนที่ผ่านมาเป็นการลดลงเกินกว่าเหตุ

SAPPE จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นราคาน้ำตาล

ตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการได้แก่ 1) สัดส่วนของต้นทุนน้ำตาลใน COGS 2) สัดส่วนของยอดขายในต่างประเทศ ซึ่งต้นทุนจะอิงกับราคาที่สูงกว่า (เพราะราคาในประเทศมีการควบคุมมากกว่า) เพราะอิงกับราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ผันผวนมากกว่า 3) ระดับอัตรากำไรสุทธิ (net margin) ซึ่งยังสูงก็จะยิ่งช่วยรองรับผลกระทบของต้นทุนที่สูงขึ้นได้ดีขึ้น เราประเมินว่า SAPPE จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากต้นทุนน้ำตาลที่สูงขึ้น ซึ่งจะทำให้กำไรจากธุรกิจหลักของ SAPPE ลดลง 6.3%, ของ CBG ลดลง 5%, ของ OSP ลดลง 2.8% และของ KCG ลดลง 1%

เราเลือก SAPPE เป็น Top BUY และเลือก CBG สำหรับเล่นตามโมเมนตัม

เราแนะนำซื้อหุ้นสี่ตัวในกลุ่มนี้ที่เราศึกษาอยู่ เพราะเชื่อว่าราคาหุ้นย่อลงมามากเกินไป จากประเด็นการขึ้นราคาน้ำตาล เราชอบ SAPPE มากที่สุด เนื่องจากคาดว่ารายได้จะเติบโตสูงที่สุดที่ 24% CAGR ในอีกสามปีข้างหน้า ในขณะที่เชื่อว่า CBG จะเป็นหุ้นที่ดีที่สุดสำหรับเล่นตามโมเมนตัม จาก upside ของธุรกิจเบียร์

- Advertisement -