บล.กรุงศรีฯ:
CARABAO GROUP (CBG TB/ CBG.BK)
CBG – เบียร์คือตัวขับเคลื่อนการเติบโตตัวใหม่ (TP Bt93.6, BUY)
| กลุ่มอุตสาหกรรม | อาหารและเครื่องดื่ม |
| หุ้น | CBG |
| มูลค่าพื้นฐาน | 93.60 |
| คำแนะนำ | BUY |
เราปรับลดราคาเป้าหมายลง 4.8% เหลือ 93.60 บาท เพื่อสะท้อนถึงผลกระทบจากการขึ้นราคาน้ําตาล ซึ่งทําให้เราปรับลดประมาณการกําไรจากธุรกิจหลักปี 2024F ลง 5% และปี 2025F ลง 4.5% เรามองว่า CBG เป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากเป็นอันดับสองจากการขึ้นราคาน้ําตาล รองจาก SAPPE (กําไรจากธุรกิจหลักในปี 2024F ลดลง 6.3%) อย่างไรก็ตาม เรายังคงมองบวกกับ upside จากธุรกิจเบียร์ ซึ่งคาดว่ากําไรจะคิดเป็น 15.2% ของกําไรจากธุรกิจหลักในปี 2024F
ผู้บริหารคาดว่าธุรกิจเบียร์จะทำกำไรได้ถึง 1 พันล้านบาทในปี 2024F
ผู้บริหารของ CBG มองว่าาธุรกิจเบียร์ซึงเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทน์จะทำกำไรให้ประมาณ 1 พันล้านบาทในปี 2024F โดยคร่าว ๆ จะมาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 600 ล้านบาท และจากธุรกิจการจัดจำหน่าย 400 ล้านบาท นอกจากนี้ เบียร์คาราบาวจะยังช่วยจ่ายค่าสปอนเซอร์ English Football League (EFL) ครึ่งหนึ่ง ซึ่งจะช่วยให้ CBG ประหยัดเงินไปได้ปีละ 120 ล้านบาท ยิ่งไปกว่านั้น เบียร์คาราบาวยังจะจ่ายค่า royalty fee 50-60 ล้านให้กับ CBG ในการใช้แบรนด์คาราบาว ทั้งนี้ ในประมาณการกำไรปี 2024F ของเรา เราใส่กำไรไว้ประมาณครึ่งหนึ่งของศักยภาพที่บริษัทจะทำได้จากธุรกิจเบียร์ หรือคิดเป็นเพียง 464 ล้านบาท เพราะเราอยากรอติดตามความสำเร็จของธุรกิจเบียร์ก่อน ซึ่งหากบริษัทสามารถทำกำไรจากธุรกิจเบียร์ได้เต็มศักยภาพ (928 ล้านบาท) ก็จะทำให้ราคาเป้าหมายของเรามี upside อีก 14% (เป็น 112 บาท)
ได้ส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นหลังจากที่การแข่งขันเบาลง
เราพบว่าส่วนแบ่งตลาดในประเทศของ CBG เพิ่มขึ้นเป็น 22.7% ในเดือนตุลาคม 2023 จาก 21.1% ในเดือนมิถุนายน 2023 เพราะบริษัทเป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวที่ยังคงยืนราคาขายเอาไว้ที่ 10 บาท/ขวด (ผู้เล่นรายอื่น ๆ ขึ้นราคาเป็น 12 บาท หมดแล้ว) เราคิดว่าบริษัทน่าจะยังคงได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นอีกพอสมควร หลังจากที่ผู้เล่นรายอื่น ๆ หันไปเน้นท่ีอัตรากําไรมากกว่าการเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
เราใช้ราคาเป้าหมาย DCF (สิ้นปี 2024F) โดยความเสี่ยงหลักอยู่ที่ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ
เราใช้ราคาเป้าหมายที่คำนวณโดยวิธี DCF เราชอบ CBG ในแง่ของผลกำไรที่พลิกฟื้นจากต้นทุนที่ลดลง (อย่างเช่น อลูมิเนียม) และยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยความเสี่ยงหลักอยู่ที่ความผันผวนของราคาวัตถุดิบ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับกำไรของบริษัท
