KS Daily View 24.11.2023 >>>คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,390-1,425 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการวัน Thanksgiving Day ดัชนี PMI ยุโรปดีขึ้น เน้นหุ้น ESG Rating ดี รับกองภาษี หุ้นแนะนำ ORI, SJWD
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันวานนี้
- ต่างประเทศ: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องจากวันหยุด Thanksgiving day
- ในประเทศ: SET Index -7.54 จุด หรือ -0.53% ปิดที่ 1,406.61 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ BYD (+5.10%), SJWD (+4.26%), JMART (+4.09%), AMATA (+2.82%) เป็นต้น ส่วนที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ AOT (-5.68%), ACE (-3.80%), MBK (-3.13%), CKP (-2.41%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:
ประเมินตลาดหุ้นไทยปรับตัวในกรอบ 1,390 – 1,425 จุด โดยมีแนวรับทางจิตวิทยาที่ 1,400 จุด ซึ่งหากหลุดมีแนวรับถัดไปที่ 1,390 จุด ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปี เริ่มทรงตัวที่ระดับ 3% (+/-) สอดคล้องกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี ที่ระดับ 4.4% หลังจากปรับลดลงมาก่อนหน้านี้จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และคาดว่าเฟดจะจบรอบการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งถ้าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังไม่ลดลงต่อจะทำให้ตลาดหุ้นเคลื่อนไหวออกด้านข้าง และรอปัจจัยใหม่ ส่วนหุ้นไทยแนะนำที่มี ESG Rating ดี รับกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เดือนหน้า
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
- ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนขานรับการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่บ่งชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายมีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับการลดลงของอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน
- ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของยุโรปตัวเลขเบื้องต้น เดือน พ.ย. อยู่ที่ 43.8 สูงกว่าคาดที่ 43.4 และมากกว่าครั้งก่อนที่ 43.1 ส่วนภาคบริการอยู่ที่ 48.2 สูงกว่าคาดที่ 48.1 และมากกว่าครั้งก่อนที่ 47.8
- ดัชนีเงินเฟ้อของญี่ปุ่นเดือน ต.ค. อยู่ที่ 3.3% น้อยกว่าคาดที่ 3.4% แต่มากกว่าครั้งก่อนที่ 3.0% ส่วนเงินเฟ้อขั้นพื้นฐานอยู่ที่ 2.9% น้อยกว่าคาดที่ 3.0% แต่มากกว่าครั้งก่อนที่ 2.8%
- นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2023 เศรษฐกิจไทยยังไม่ดี มีการพึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก ขณะที่นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยกว่าเป้าหมาย รวมถึงให้ความสำคัญการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และการจัดการหนี้ครัวเรือน และนโยบายดิจิตัลวอลเล็ตที่จะมากระตุ้นเศรษฐกิจ
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,400-1,440 จุด บนความคาดหวัง Soft Landing ของตลาด โดยปัจจัยที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในสัปดาห์นี้ได้แก่ 1.) ตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ต.ค.; 2.) Fund flow สะท้อนผ่านทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย 10 ปีล่าสุดอยู่ที่ระดับ 3% +/-; 3.) ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ต.ค., ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆได้แก่ ดัชนี PMI เดือน พ.ย. (เบื้องต้น) ของยูโรโซนและญี่ปุ่น; และ 4.) นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของรัฐบาลไทยในด้านต่างๆ เช่น การบริโภค, การท่องเที่ยว, อสังหาฯ, โครงการลงทุนภาครัฐ เป็นต้น
หุ้นแนะนำวันนี้
- Top pick: ORI (ราคาพื้นฐาน 13.20 บาท) หุ้นใน SET100 ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เดือนหน้า ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ AA เราคาดว่าบริษัทฯ จะสามารถทำกำไรไตรมาส 4/2566 เพิ่มเติมได้อีกจากไตรมาส 3/2566 ซึ่งจะทำให้กำไรปี 2566 สูงขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ จากโครงการใหม่ 12 แห่ง มูลค่า 1.51 หมื่นลบ. และคอนโดสร้างเสร็จใหม่อีก 4 แห่งจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ รวมถึงโครงการแนวราบ 6 แห่งพร้อมโอน อีกทั้งยังแผนการเสนอขายหุ้นบริษัทในเครือ ONEO (One Origin)
- Top pick: SJWD (ราคาพื้นฐาน 17.00 บาท) หุ้นใน SET100 ที่น่าจะเป็นเป้าหมายการลงทุนของกองทุนลดหย่อนภาษี TESG เดือนหน้า ซึ่งบริษัทได้รับ SET ESG Rating ปี 2566 ระดับ A ผู้บริหารของ เปิดเผยถึงพัฒนาเชิงบวกของธุรกิจหลักจำนวนมาก รวมถึงยานยนต์ ห้องเย็น และลานสินค้าทั่วไปที่สร้างผลกำไรในระดับสูงยังคงดำเนินต่อไปและปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2566 ค่าใช้จ่ายพิเศษที่หายไปจะทำให้กำไรไตรมาส 4/66 ของบริษัทฯ ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมัน (German ifo business climate) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 87.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 86.9 และตัวเลขดัชนีภาคการผลิตเบื้องต้น (Flash manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 50 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50