บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 29/11/66

SET Index ขยับขึ้นต่อ
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว

Market Strategy
SET Index คาดขยับขึ้นต่อตามกรอบ 1395-1420 จุด สภาพแวดล้อมต่างประเทศที่กลับมา Risk on เริ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับขึ้นในช่วง 0.1%–0.3% ตอบรับความเห็นกรรมการ FED คุณ Waller (Voted Member) ที่มีต่อเงินเฟ้อฯที่ค่อยๆลดลง ตามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวแบบช้าๆ ทำให้ตลาดยังเชื่อว่าดอกเบี้ยสหรัฐฯ ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้น 1.8% หนุนจากความคาดหวังต่อการประชุมกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 30 พ.ย. มีโอกาสขยายเวลาควบคุมกำลังการผลิตออกไปจากเดิมที่จะสิ้นสุดในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน

การประชุม ครม. วานนี้มีความคืบหน้า 1) เห็นชอบขึ้นเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ปีละ 10% เป็นเวลา 2 ปีเพื่อให้เงินเดือนไปที่ 18,000 บาทเริ่ม พ.ค. 67 2) เผยแนวทางแก้หนี้นอกระบบเริ่มลงทะเบียน 1 ธ.ค. 66 3) ไฟเขียวขยายเวลาเปิดผับในพื้นที่นำร่อง 5 จังหวัดถึง 4.00 น. เริ่ม 15 ธ.ค.66 รวมถึงเห็นชอบในหลักการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว อาทิ FREE VISA นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเติม. ลดภาษีแบรนด์เนม กลยุทธ์เลือกหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 0.57% หรือ 8 จุด หนุนหลักจากหุ้นในกลุ่มอิเล็คทรอนิคที่ปรับขึ้นจาก DELTA ที่รีบาวน์ 2.19% กลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับขึ้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงหนุน GPSC +2.22% BGRIM +1% และกลุ่มอสังหาฯที่ CPN +2.27% ตอบรับมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 773 ล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ AP ,CPN
AP
กระแสได้ กำไรดี มีปันผลเด่น
การประชุม กนง. วันที่ 29 พ.ย. ที่คาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯ 2.5% หากเกิดขึ้นจะถือเป็นการหยุดขึ้นดอกเบี้ยฯครั้งแรกหลังจากขึ้นมารัวๆ 8 ครั้งติดต่อกันนับจาก 10 ส.ค.65 โดยเราเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มอสังหาฯจะได้ประโยชน์ จากทิศทางดอกเบี้ยฯที่มีแนวโน้มผ่านจุดสูงสุด

เรามอง AP เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มจากทิศทางกำไร 4Q66 ที่มีแนวโน้มเติบโต QoQ และ YoY ทำให้กำไร 2566 ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

อีกทั้งการจ่ายปันผล 2H66 ที่ระดับ 6.3%ต่อปี ซึ่งเป็นการจ่ายครั้งเดียวทำให้เด่นกว่ากลุ่มฯที่หลายบริษัทได้มีการจ่ายปันผลไปบางส่วนแล้วในช่วง 1H66
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 14.30 บาท

CPN
พร้อมบวก
คาดการณ์กำไรสุทธิเติบโต 40% ในปี 2566 และ 5% ในปี 2567 โดยประมาณการของเราสูงกว่า Consensus คาดไว้ที่ 15% และ 6% จึงเชื่อว่ามีโอกาสที่ Consensus จะทยอยปรับประมาณการขึ้นตาม หลังจากผลประกอบการ 3Q66 ออกมาเติบโต 45%YoY และ 13%QoQ ซึ่งดีกว่าตลาดคาด 10%

ระยะสั้นได้ Sentiment บวกจากมาตรการกระตุ้นภาครัฐฯ รวมทั้งการเปิดห้างใหม่ Central Westville ในวันนี้ ราคาหุ้นซื้อขายบน PER67F ที่ 19x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีของ Forward PER ล่วงหน้า 1 ปีที่ 25x ถือเป็นระดับไม่แพง
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท

KEY FACTOR
ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะผ่านพ้นจุดสูงสุดไปแล้ว
ทิศทางตลาดหุ้นไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว จากความคาดหวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะกลับมาฟื้นตัวในช่วง 4Q66 และต่อเนื่องในปี 2567 จากการขับเคลื่อนมาตรการด้านเศรษฐกิจ ซึ่งล่าสุด ครม. อนุมัติการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และสัญญาณภาคการส่งออกที่กลับมาเด่น +8% YoY ใน ต.ค.

นอกจากนี้มุมมอง Consensus ที่คาด กนง. จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% ในการประชุมวันนี้ และมีโอกาสสูงที่แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจะสิ้นสุดลง ตามทิศทางดอกเบี้ยต่างประเทศ ซึ่งมุมมองตลาดที่สะท้อนผ่านทั้ง Fed Watch tool และผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั้งของสหรัฐฯและไทย ที่ทำจุดสูงสุดไว้เมื่อ 19 ต.ค. ที่ระดับ 4.99% และ 3.39%

น่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ทิศทาง Fund flow มีโอกาสไหลกลับมาสู่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งหุ้นที่น่าสนใจในภาวะดอกเบี้ยผ่านพ้นจุดสูงสุด จะต้องเป็นหุ้นที่ 1) มีปันผลสูง 2) กำไรปี 67F ขยายตัว 3) มีการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งหุ้นเด่นที่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวประกอบด้วย SAT TISCO SCB TCAP,AP ICHI SABINA PTT INTUCH SCC (รายละเอียดเพิ่มเติมใน Thematic Report “ห้นปันผลสูงบนความยั่งยืน”)

EYES ON
29 พ.ย. การประชุม กนง
30 พ.ย. PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน, เริ่มประชุม COP28

- Advertisement -