รอบด้านตลาดหุ้น: Knock Knock ใครจะเป็นตัวต่อไป

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม 

“ยังอยู่ในกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี SET สัปดาห์นี้ Sideways 1,380 จุด ถึง 1,430 จุด”
แต่ความผันผวนของราคาหุ้นรายตัวที่เกิดขึ้น อาจจะมีผลต่อดัชนีให้ลงหลุดจากรอบที่เราประเมินได้ เช่น กรณี DELTA ที่เรา ระบุในกลยุทธ์ประจำสัปดาห์ไปเมื่อวันจันทร์แล้วว่าจะมีอิทธิพลลบต่อดัชนีฯ หากหลุด SET50

สุดท้าย เรายืนยันตามโมเมนตั้มระยะสัปดาห์ที่เราประเมิน…ว่าตลาดหุ้นไทยจะใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์เพื่อย่อยข่าว และเราให้สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการพักฐาน ก่อนจะเห็นภาพการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทย หลังปัจจัยลบต่างๆเริ่มคลี่คลายตามที่เราประเมิน

หุ้นแนะนำวันนี้ : STEC BTG

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ครม.เห็นชอบ ปรับฐานเงินเดือนข้าราชการใหม่เป็น 18,000 บาท จาก 15,000 บาท ส่วนระดับ C8 เงินเดือนไม่ถึง 1.8 หมื่นบาท จะได้ปรับขึ้นค่าครองชีพ
  •  CME FED watch tool คาดเฟดจะคงดอกเบี้ยในการประชุม เดือน ธ.ค.66 ม.ค. 67 และ มี.ค. 67 ก่อนจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 5-525%ในเดือน พ.ค. 67
  • US ISM, China PMI มีแนวโน้มที่เริ่มดีขึ้น: US ISM ภาคการผลิต คาด47.7 จาก 46.7 และ จีน PMI ภาคการผลิตคาด กลับมายืน 50 จาก 49.5
  • การประชุมธนาคารกลาง ส่วนใหญ่ในภูมิภาคจะคงอัตราดอกเบี้ย เช่น BOT แบงก์ชาติคงดอกเบี้ย 2.5% เกาหลีใต้คงดอกเบี้ย 3.5% นิวซีแลนด์ คงดอกเบี้ย 5.5% และ เฟด Beige book คาดส่งสัญญาณหยุดขยับ
    ดอกเบี้ยขึ้น
  • หุ้นเข้าออก SET 50

สรุปภาพตลาดวานนี้

ขึ้นยังไม่ถึงไหน หุ้นไทยกลับมาดิ่งต่อวานนี้ โดย DELTA กดดันดัชนีไปราว 5 จุด (กังวลเกณฑ์ฯ หลุด SET50 และน้าหนักใน SET50FF จะน้อยลง) และกลุ่ม CPALL-CPAXT กดดันรวมกว่า 3.5 จุด (Sentiment ลบจากข่ายหมูเถื่อน) ตามด้วย AOT ลงต่อเนื่อง กดดันไปอีก 1.7 จุด (หลัง ครม. เตรียมปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต ทำให้ประเมินแรงจูงใจกลุ่ม) ในอีกด้าน หุ้นที่บวกดีสวนตลาดมาได้ ได้แก่ โรงไฟฟ้า (หลังเคาะค่าไฟฟ้ารอบใหม่) สื่อสารฯ และเกษตรอาหาร

Global Investing Brief : AMZN เปิดตัวแชทบอทใหม่ เวียดนามขยายเวลาลด VAT กระตุ้นเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

  • เมื่อคืนนี้ 3 ดัชนีหลักสหรัฐฯ ปิดผสมโดย โดย DJIA +0.04% ขณะที่ S&P500 -0.09% และ Nasdaq -0.2% หลังเจ้าหน้าที่ Fed หลายราย เช่น นายโธมัส บาร์กิน ประธาน Fed สาขาริชมอนด์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่ายังไม่มั่นใจว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะปรับตัวลงสู่เป้าหมายของ Fed ที่ระดับ 2% ได้ ซึ่งอาจส่งผลให้ Fed อาจต้องใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดต่อ ทั้งนี้สหรัฐฯ จะเผยดัชนี PCE เดือน ต.ค. 66 ในวันนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ โดยตลาดคาดอาจเพิ่มขึ้น 3.1%YoY ชะลอลงจาก 3.4%YoY ในเดือน ก.ย. 66 ซึ่งอาจช่วยคลายกังวลต่อแนวโน้มการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของ Fed
  • Amazon (AMZN) เปิดตัว “Q” แชทบอท AI ใหม่สำหรับการใช้งานด้านธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น เช่น การคิดคอนเทนต์ หรือวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เป็นต้น อีกทั้งบริษัทจะมีการเก็บค่าสมาชิกที่ $30/เดือน โดยเรามองเป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้ธุรกิจคลาวด์ (AWS) ให้โต 13%YoY แตะ $24.2bn ในช่วง 4Q66 อิงจาก Bloomberg cons. ด้าน TP ให้ไว้ที่ $175.98 (upside 20%)

ตลาดหุ้นฮ่องกง 

  • ดัชนี Hang Seng ปรับลง 2.1% วานนี้ โดย Meituan (3690) -12.2% Haidilao (6862) -5.5% และ Baidu (9888) -4.1% หลังตลาดจับตาดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนเดือน พ.ย. 66 (เผยวันนี้) ที่มีแนวโน้มอยู่โซนหดตัวที่ระดับ 49.8 จุด (ต่ำกว่าระดับ 50 จุด) ต่อจากเดือนที่แล้วที่ระดับ 49.5 จุด อย่างไรก็ดีเรายังเชื่อว่าเศรษฐกิจจีนอาจมีแนวโน้มดีขึ้นในช่วงสิ้นปี หลังคาดการณ์จาก Bloomberg cons. เผยธนาคารจีนมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยอีกราว 0.1% และลดอัตราส่วนเงินสำรองธนาคาร (RRR) ลงอีก 0.25% ภายในเดือน ธ.ค. นี้
  • China Mobile (941) เผยยอดผู้ใช้งานสัญญาณโทรศัพท์ 5G เพิ่มขึ้นราว 8.4 ล้านราย แตะ 758 ล้านราย ในเดือน ต.ค. 66 หลังจีนมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ให้ดีมากขึ้น อีกทั้งเรายังมองว่าหุ้นมีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของจีน (Industry 4.0) ที่จะเชื่อมเทคโนโลยีกับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งคาดว่าต้องมีการลงทุนในเครือข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ระยะยาวให้บริษัท โดยคาดการณ์จาก Bloomberg cons. เผยรายได้ปี 66 มีแนวโน้มโต 8%YoY แตะ RMB1,015bn และ TP ให้ไว้ที่ HKD83.23 (upside 33%)

ตลาดหุ้นเวียดนาม 

  • วานนี้ดัชนี VN ปิดบวก 0.7% นำโดย MSN +2.6% BID +1.2% และ VHM +1.1% ขานรับที่รัฐบาลเวียดนามขยายเวลาลดภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) จาก 10% เหลือ 8% จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย. 67 หลังจากเดิมที่จะมีผลถึงสิ้นปีนี้ เพื่อกระตุ้นความต้องการบริโภคภายในประเทศ เราจึงมองเป็นปัจจัยช่วยหนุนเศรษฐกิจเวียดนามเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และมองบวกต่อหุ้นกลุ่มอิงการบริโภค เช่น FRT VRE และ VNM เป็นต้น
  • TCB ที่มีน้ำหนักราว 9% ในดัชนีอ้างอิงของ DR FUEVFVND01 เผยกำไรในช่วง 3Q66 เพิ่มขึ้น 3%QoQ แตะ VND5,842bn หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อราว 4%QoQ และจากการจัดการส่วนต่างระหว่างรายได้และค่าใช้จ่ายของดอกเบี้ย (NIM) ที่มีคุณภาพมากขึ้น นอกจากนี้เรามองว่ายอดการเติบโตสินเชื่อจะดีขึ้นในช่วงสิ้นปี หนุนจากกลุ่มลูกค้ารายย่อย ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ TCB หลังเวียดนามมีคำสั่งให้ธนาคารในเวียดนามเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อย ผ่านการผ่อนปรณเกณฑ์การกู้ยืม

หุ้นเด่นประจำวัน : Meituan (3690.HK) 

  • Meituan วางแผนที่จะขยายเส้นทางการจัดส่งด้วยโดรน “Meituan Delivery Drones” เพิ่ม 22 เส้นทาง ต่อจากที่ได้เปิดตัวในเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 2 ส.ค. 66 โดยบริการนี้ลูกค้าจะได้รับสินค้าภายใน 15 นาที ในช่วงรัศมี 3 กิโลเมตร
  • เรามองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ในระยะข้างหน้า หลังบริษัทอาจรองรับออเดอร์ได้มากขึ้น ด้านคาดการณ์ Bloomberg Cons. เผยว่ารายได้ในปี 66 จะโต 26%YoY แตะ RMB276bn

 

- Advertisement -