Daily Focus: Selective Play

2024 SET Target : 1520

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวลงต่อเนื่องโดยระหว่างวันร่วงแรงกว่า 10 จุด ถูกถ่วงโดยกลุ่มโรงไฟฟ้า ธนาคาร ปิโตรเคมี สื่อสารฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตามดัชนีฟื้นตัวได้บ้างช่วง ท้ายบ่าย ทำให้ดัชนีปิดลบแคบลงเหลือ 7.51 จุด ณ สิ้นวัน สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิในตลาดหุ้นต่อเนื่องอีกบางๆ 269 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหนาแน่น 3.7 พันลบ.โดยเป็นผลจาก MSCI Rebalance (และ Short Index Futures อีก 6.6 พันสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Down ในกรอบ 1,370-1,390จุด และภาพระยะสั้นค่อนไปในทางลบมากขึ้นหลังยืนเหนือแนวรับกรอบSideways Up บริเวณ 1,385-1,390 จุดไม่ได้ ขณะที่กลุ่มพลังงานวันนี้ถูกถ่วงจากราคา น้ำมันดิบที่ปรับลงหลังตลาดฯ ยังไม่เชื่อมั่นว่า OPEC+ จะลดกำลังการผลิตเพิ่มได้ตามแผนที่ตกลงกันได้ ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้ายังต้องติดตามว่าจะเห็นรม.ปรับลดค่าไฟจากตัวเลขที่กก.เคาะหรือไม่ ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน ต.ค. ออกมาตามคาด +0.2% m-m, +3.5% y-y ส่วนคืนนี้พาวเวล มีคิวพูดโดยต้องดูว่าจะออกมาในเชิงลดความคาดหวังของตลาดปัจจุบัน ที่คาดการณ์ FED ลดดอกเบี้ยปีหน้า 4-5 ครั้งหรือไม่ ด้าน Bond Yield และ Dollar Index ฟื้นตัวระยะสั้นจำกัดการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง ระยะสั้นอาจยังเห็นการพักตัวของ SET Index แต่เรายังเชื่อว่าดัชนีที่ปรับตัวฐานลงกว่า -10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาและ -17% YTD สะท้อนปัจจัยลบจากทั้งกำไรบจ.ที่ถูกปรับประมาณการลง รวมถึงการ De-rated Valuation จากดอกเบี้ยและ Bond Yield ที่สูงกว่าระดับปกติไปแล้วค่อนข้างมาก ยังมองจังหวะพักตัวลงเป็นโอกาสทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2Q24 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพิ่มหากดัชนีปรับลงหากรอบล่าง ในกรณีแย่ของเราที่ 1,300-1,350+-จุด

หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: CPN, GPSC, SJWD, TIDLOR, TU

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท
  • ราคาหุ้น CPALL ปรับตัวลง -6% ในช่วงที่ผ่านมาจากประเต็นข่าว CPAXT ที่เกี่ยวโยงกับหมูเถื่อน ค่าไฟที่ปรับขึ้น และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่โตช้า ซึ่งเราเชื่อว่าสะท้อนประเด็น ESG ไปแล้ว ล่าสุดซื้อขายที่ 2024PER เพียง 23.2 เท่า ต่ำกว่าช่วงปี 2016 ที่มีประเด็นด้าน CG ที่ 25.5 เท่า
  • ระยะสั้นคาดกำไร 4Q23 โต y-y จาก SSSG ทั้งธุรกิจ CVS Wholesale และ Retail ที่เป็นบวกได้ทั้งหมดในกรอบ 3-6% y-y และคาดเร่งตัวต่อเนื่องในปี 2024 +19% y-y
  • แนวรับ 50.50-50 บาท แนวต้าน 53.50-54//56 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคต่อเนื่องแต่บางลงเหลือ US$251 ล้านเม็ดเงินยังคงซื้อสุทธิกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$197-198 ล้าน ส่วนฝั่งอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศและกระจุกตัวที่ไทย US$105 ล้าน ซึ่งภาพรวมกระแสเงินทุนเมื่อวานนี้มีผลจาก MSCI Rebalance แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าระยะสั้นหลังจากที่ซื้อต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันก่อนหน้า หลังล่าสุด Bond Yield และ Dollar Index รีบาวด์ขึ้น ส่วนคืนนี้ติดตาม Speech ของประธาน FED

ประเด็นสำคัญวันนี้

(0) ค่าไฟฟ้ารอบใหม่ยังไม่นิ่ง จากข่าววานนี้ที่นายกฯ มองว่าค่าไฟฟ้า 4.68 บาท/หน่วย งวด ..-เม.ย. 2024 สูงเกินไป ส่งผลให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าวานนี้ถูกขาย อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแนวโน้มค่าไฟฟ้ารอบถัดไปจะปรับขึ้นจากปัจจุบันที่ 3.99 บาท/หน่วย ไม่ว่าจะปรับขึ้นเท่าใดจะเป็น upside ต่อประมาณการของเราเนื่องจากเราตั้งสมมติฐาน 4 บาท/หน่วยทั้งปี หุ้นของกลุ่มยังคงเป็น GPSC (ราคาเป้าหมาย 59 บาท)

(+) CPAXT, CPALL จากกรณีข่าวหมูเถื่อนและค่าไฟที่มากระทบ เราประเมินผลกระทบและเทียบกับ Valuation ของหุ้นปัจจุบัน พบว่าปัจจุบัน P/E ถูกกว่าในอดีต ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติของ CPAXT เติบโตทั้ง q-q และ y-y ขณะที่ CPALL เติบโต y-y หนุนจากแนวโน้ม SSSG ของทั้ง 3 ธุรกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่อง 4QTD SSSG ธุรกิจ CVS +3-4%, ธุรกิจ Wholesale +45% และธุรกิจ Retail +5-6% ขณะที่แนวโน้มค่าใช้จ่ายใน 4Q23 มีแนวโน้มปรับลงจากค่า FT ที่อยู่ในระดับ 3.99 บาท/หน่วย ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงของ CPAXT สำหรับแนวโน้ม 2024 คาดยังโตต่อเนื่องโดยเราคาดกำไรปกติ CPALL และ CPAXT เติบโต 19% และ 22% ตามลำดับ จากการฟื้นตัวของการบริโภคและภาคท่องเที่ยว รวมถึงนโยบายกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐ

(+) TU ราคาปลาทูน่าปัจจุบัน (ส่งมอบเดือน ธค.) ลดลงเหลือ USD1,500 ต่อต้น ลงจากเดือน ..ที่ USD1,600 ต่อตัน ปรับลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และแนวโน้มเดือน ม.ค.24 ยังลงต่อเป็น USD1,450 ต่อตัน ถือเป็นบวกต่อต้นทุนของ TU และ ITC พอควร ขณะที่ demand ดูสดใสมากขึ้น เบื้องต้นคาดกำไร 4023 จะเติบโตทั้ง q-q, y-y อยู่ที่ระดับ 1.4-1.5 พันลบ. หากได้ตามคาด กำไรปี 2023 จะอยู่ที่ 4.6 พันลบ. สูงกว่าที่เราคาดไว้ปัจจุบันที่ 4.1 พันลบ. และเริ่มเห็น upside ต่อกำไรปี 2024 ที่เราคาดไว้เพียง 5.2 พันลบ. ยังแนะนำซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 18 บาท

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 520.47 จุด หรือ +1.47% ปิดที่ 35,950.89 จุดหลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง ซึ่งทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะ ยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

(+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน หลังการเปิดเผย ข้อมูลบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อในสหรัฐและยุโรปลดลง ซึ่งเพิ่มความหวังว่าเฟด และ ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้

(-) ตลาดหุ้นเอเชียปิดลบ หลังดัชนี PMI จีนสะท้อนการชะลอดัวของกิจกรรมทางภายการผลิตจีนเดือน พ.ย. ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 35.14 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ +1.08%

(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 75.96 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัส ได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจในไตรมาส 1 ปีหน้าในปริมาณที่น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ในขณะที่เช้านี้ลบอยู่ที่ระดับ 75.85 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ – 0.14%

(+) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 9.90 ดอลลาร์ หรือ 0.48% ปิดที่ 2,057.20 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ในขณะ ที่เช้านี้ปรับลดลงที่ระดับ 2061.90 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.23

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 876.51/ +0.11%

- Advertisement -