เงินเฟ้อไทยต่ำ พร้อมความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่สูงสุดในรอบ 45 เดือน

Market Update

ตลาดหุ้น Dow Jones ปิดบวก 0.17% และตลาดหุ้น Nasdaq ปิดบวก 1% หลังจากบริษัท Alphabet ประกาศเปิดตัว AI รุ่นใหม่ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.34% เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับอุปสงค์ในจีนและสหรัฐฯ รวมทั้งการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯที่พุ่งขึ้นใกล้แตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

Market Outlook

เมื่อวานที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อประจำเดือน พ.ย. (-0.4%YoY) ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปลดลง 2 เดือนติดต่อและต่ำสุดในรอบ 33 เดือน สาเหตุหลักยังคงเป็นมาตรการภาครัฐด้านพลังงานที่ทำให้สินค้ากลุ่มพลังงานปรับลดลง โดยเฉพาะราคาน้ำมันในกลุ่มดีเซลและแก๊สโซฮอล์ 91 รวมค่ากระแสไฟฟ้านอกจากนี้เนื้อสุกร ไก่สด น้ำมันพืชราคาต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับสินค้าอื่นๆ ราคายังคงเคลื่อนไหวทิศทางปกติ อย่างไรก็ตามราคาสินค้าสำคัญหลายชนิดราคาสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อาทิ ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ผักสดและผลไม้ ด้วยเงินเฟ้อที่ปรับลง และราคาสินค้าจำพวกเนื้อสัตว์ปรับลงมองเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ร้านอาหาร (CENTEL M MINT)

ในขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน พ.ย.ที่ระดับ 60.9 ดีขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อสูงสุดในรอบ 45 เดือน เนื่องจากผู้บริโภคเชื่อมั่นมากขึ้น หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลและรัฐบาลก็ได้ออกนโยบายลดค่าครองชีพ โดยลดค่าไฟฟ้าและน้ำมัน ตลอดจนมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ และการเมืองก็ดูมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังมีความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางที่อาจยึดเยื้อ ตลอดจนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่อาจส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และจะมีผลกับการส่งออกของไทย มองเป็นบวกต่อกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL ERW MINT) ร้านอาหาร (M) ศูนย์การค้า (CPN)

ส่วนสหรัฐฯ เมื่อคืนรายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.2 แสนตำแหน่งใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้และผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องที่ 1.86 ล้านรายแย่กว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.9 ล้านราย ภาพรวมเมื่อคืน US Bond Yield มิได้เคลื่อนไหวอย่างมีนัยยะคาดว่านักลงทุนรอดูตัวเลขแรงงานสหรัฐฯคืนนี้โดยเฉพาะการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.83 แสนรายและ 3.9% ตามลำดับ วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1370 – 1385 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงแนะทยอยสะสมเช่นเดิมเพื่อรอการฟื้นตัวในช่วงถัดไปและระดับ Valuation ที่ไม่แพง เน้นที่หุ้นใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ศูนย์การค้า (CPN)

หุ้นแนะนำซื้อวันนี้

CPN (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 84.50 บาท)

ปี 24 เราคาดว่าผลประกอบการยังเติบโตได้ดี หลังมีการเปิดโครงการใหม่อีก 2 แห่งที่นครสวรรค์และนครปฐม และรับรู้รายได้จากศูนย์เวสท์วิลล์ที่เปิดในเดือน พ.ย. 23 เต็มปี ทำให้เบื้องต้นเราคาดกำไรที่ 15,161 ล้านบาท (+5%YoY)

CPALL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 72.00 บาท)

คาดว่ากำไรไตรมาส 4/23 จะโตต่อเนื่อง YoY และ QoQ จาก SSSG ที่แข็งแกร่ง อัตรากำไรธุรกิจร้านสะดวกซื้อ (CVS) ที่ดี และการขาดหายไปของค่าตอบแทนพนักงานพิเศษที่เกิดขึ้นปีก่อน ปัจจัยบวกสำคัญคือประโยชน์ที่คาดว่าจะได้จากมาตรการกระตุ้นภาครัฐผ่านนโยบายเงิน ดิจิทัล 5 แสนล้านบาท

- Advertisement -