บล.บัวหลวง: 

Thaifoods Group (TFG TB / TFG.BK)

TFG – กำไรหลักที่จะกลับมาฟื้นตัวแรงในปี 2567

TFG เป็นหุ้นสำหรับธีมการลงทุนพลิกฟื้นกลับไปเป็นกำไรในปี 2567 โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาเนื้อสัตว์บกไทยที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวเพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบที่คาดว่าจะเป็นทิศทางขาลง และการขยายร้านค้าปลีกในเชิงรุกอย่างมากในช่วงปี 2566-67 การคาดการณ์สำหรับผลประกอบการที่จะพลิกกลับไปเป็นกำไรในปีหน้า ถือว่าเป็นการกลับมาฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญสำหรับบริษัท

การขยายสาขาร้านค้าปลีกจะหนุนยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงปี 2566-67

TFG ได้เปิดร้านค้าปลีกแห่งแรกภายใต้ชื่อแบรนด์ “ไทยฟู้ดส์ เฟรช มาร์เก็ต” ในปี 2563 ยอดขายของร้านค้าปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างมากจะเป็นปัจจัยบวกที่หนุนอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมให้เพิ่มขึ้น และไม่เผชิญกับความผันผวนมากนัก
ถึงแม้ว่าราคาเนื้อสัตว์ทั้งหมูและไก่สำหรับขายส่งจะยังคงมีผันผวนอยู่มากก็ตาม และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 ยอดขายของร้านค้าปลีกคิดเป็นสัดส่วน 29% ของยอดขายรวม (ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 15%
ในปี 2565) คิดเป็นสัดส่วน 49% ของกำไรขั้นต้นรวม (เพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2565) และคิดเป็น 23% ของกำไรก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาระภาษีจ่าย (EBIT) (เทียบกับขาดทุนก่อนหักภาระดอกเบี้ยจ่ายและภาระภาษีจ่ายในปี 2565 จากธุรกิจนี้) เราคาดว่ายอดขายของธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 30% ของยอดขายรวมในปี 2566 ไปเป็น 38% ในปี 2567 และสัดส่วนของกำไรขั้นต้นจากธุรกิจค้าปลีกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 50% ของกำไรขั้นต้นรวมในปี 2566 ไปเป็น 55% ของกำไรขั้นต้นรวมในปี 2567

ยอดขายของร้านค้าปลีกคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปี 2566-67

นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องการขยายจำนวนร้านค้าปลีกในเชิงรุกแล้ว (ซึ่งจำนวนสาขาคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 150-250 สาขาในปี 2567 หรือเพิ่มขึ้นไปเป็นจำนวนทั้งหมด 500-600 สาขา ณ สิ้นปี 2567 และเป้าหมายที่จะขยายร้านค้าปลีกอีกกว่าจำนวน 1 พันสาขาภายใน 3-5 ปีข้างหน้า) ยอดขายของร้านค้าปลีกเฉลี่ยรายวันก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากสัดส่วนของยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารแห้งที่ให้อัตรากำไรในระดับสูง และยอดขายผลิตภัณฑ์อาหาร
พร้อมรับประทานและอาหารพร้อมปรุงเพิ่มขึ้นในสัดส่วนของยอดขายรวมยอดขายรวมของทุกสาขาอยู่ที่ 7.8 พันล้านบาทในปี 2565 เราคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 118% YoY ไปอยู่ที่เป็น 1.7 หมื่นล้านบาทในปี 2566 และเพิ่มขึ้นอีก 47% ไปอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาทในปี 2567 ซึ่งจะมีปัจจัยหนุนจากจากการขยายจำนวนสาขาและอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ยต่อวัน สำหรับในปี 2567 ซึ่งคิดเป็น 12% โดยคาดอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจร้านค้าปลีกมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันสำหรับในปี 2567

การนำเข้าหมูเถื่อนที่จะลดลงอย่างมากในปี 2567

รัฐบาลไทยเริ่มตรวจเข้มมากขึ้นและห้ามการนำเข้าเนื้อหมูอย่างผิดกฎหมาย (หมูเถื่อน) ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และเนื่องจากความร่วมมือและการประสานงานระหว่างกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่ดีขึ้นและมีมากขึ้น เราจึงคาดว่าการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างมากภายในปีหน้า การนำเข้าหมูเถื่อนที่ลดลงอย่างมากคาดว่าจะส่งผลให้ราคาหมูมีชีวิตของไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ในกรอบราคาในช่วงระดับปกติที่ 70-80 บาท/กก. ได้ภายในปี 2567

ราคาเนื้อสัตว์บกไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน.. 2566 และคาดการฟื้นตัวต่อเนื่องไปถึงช่วงครึ่งแรก
ของปี 2567

ราคาหมูมีชีวิตไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% จากจุดต่ำสุดของปีนี้ที่ 57 บาท/กก. (16-23 ต.ค.) ไปอยู่ที่ 66 บาท/กก. (7 ธ.ค.) ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน 7% จาก 37.25 บาท/กก. (4-29 ต.ค.) ไปอยู่ที่ 40.25 บาท/กก. (7 ธ.ค.) เราคาดว่าราคาหมูมีชีวิตไทยจะฟื้นตัวกลับไปอยู่ที่ 75-80/กก. ได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยจะมีปัจจัยหนุนจากดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลต่างๆ ที่กำลังจะมาถึง เช่น คริสต์มาส/ปีใหม่ และตรุษจีน และผลกระทบของปรากฏการณ์เอลนีโญ่ที่ยังคงรุนแรงอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ฤดูร้อนปีหน้ามีอากาศที่ร้อนกว่าปกติ (และส่งผลต่ออุปทานเนื้อสัตว์ให้ลดลง) รวมถึงการนำเข้าหมูเถื่อนที่คาดว่าจะลดลงอย่างมากในปีหน้า เราใช้สมมติฐานราคาหมูมีชีวิตไทยสำหรับในปี 2567 ที่ 80 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 7% YoY จากเฉลี่ยที่ 75 บาท/กก. ในปี 2566 และใช้สมมติฐานราคาไก่มีชีวิตไทยในปี 2567 ที่ 42.5 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 4% YoY จากเฉลี่ยที่ 41 บาท/กก. ในปี 2566 รวมถึงเราใช้สมมติฐานต้นทุนวัตถุดิบโดยรวมปรับตัวลดลงประมาณ 10% สำหรับในปี 2567

- Advertisement -