รอบด้านตลาดหุ้น: ตรึงกำลังรักษาฐานใหม่ เพื่อไปต่อ

สรุปภาพตลาดวานนี้

แสงสว่างลอดผ่านจากปลายอุโมงค์ หลัง SET รีบาวน์ได้แรงตามตลาดโลกที่เล่น รับสัญญาณเฟดเข้าสู่ Dovish ประกอบกับข่าวการเสนอให้พิจารณายกเลิก Program Trading โดยเห็น Flow การกลับมาซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ หุ้นขึ้นนำโดยกลุ่มเล่นล้อไปในทิศทางตรงข้ามเงินเฟ้อ-ดอกเบี้ย เช่น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ DELTA HANA KCE CCET การเงิน TIDLOR MTC SAWAD โรงไฟฟ้า GPSC GULF รวมไปถึงหุ้นกลาง-เล็ก JMART JTS SRS MALEE MOSHI ZIGA AUCT DITTO GFC หนุนให้หุ้นพื้นฐานแกร่งที่ลงไปก่อนหน้ากลับมาด้วย อย่างคอมเมิร์ช CPALL CPAXT CRC BJC DOHOME

ภาพตลาดและแนวโน้ม 

ภาพของ SET ที่ดูกลับมาเข้ารูปเข้ารอยเป็นในทิศทางเดียวกับตลาดอื่นๆ อีกครั้ง ช่วยเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนกลับมาเทรดส่งท้ายปี ให้มีหวังมากขึ้น และเราประเมินว่าวันนี้จะต้องรักษาฐาน 1370 ให้แน่น ทำให้ SET น่าจะแกว่างในกรอบแคบๆ 1370-1390 โดยการเก็งกำไรระยะสั้นเป็นไปตามทิศทาง Bond yields US 10 ปี ที่ยังลงต่อ Earning Yield gap เปิดกว้างขึ้น

สำหรับกระแสข่าวการเสนอยกเลิก Program Trading ในช่วงนี้ เรามองว่าระยะสั้นจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้นักลงทุนรายย่อยได้มากขึ้น แม้ประเด็นนี้ ยังต้องศึกษาและหาข้อสรุปกันอีกระยะหนึ่ง แต่เชื่อว่าจะนำไปสู่การออกกฏระเบียบที่เป็นที่เป็นธรรมและนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ยอมรับกันได้มากขึ้น

โดยรวมทำให้ภาพการลงทุนช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของปีแนวโน้ม “ดีขึ้น” เทียบกับต้นเดือนที่ผ่านมา เห็นเม็ดเงินลงทุนจากนักลงทุนในประเทศทั้งรายย่อย
(ที่อาจกลับมาเทรดได้บ้าง) และสถาบัน (ที่อาจมีลุ้น Window dressing กว่าช่วงก่อนหน้า ผสมกับเม็ดเงินใหม่จากกองทุน TESG)

อย่างไรก็ตาม เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยเน้นการหาโอกาสเพื่อเลือกหุ้นรายตัวที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง ราคาลงมาลึกและนิ่งแล้ว สะสมไว้รอช่วงตลาดกลับมารีบาวน์ใหญ่ระยะถัดไป หรือหุ้นที่มี อัตราเงินปันผลที่สูงรองรับ แนวโน้มจะยืนแข็งแกร่งกว่าตลาดในเวลานี้

หุ้นแนะนำวันนี้ : AOT  TISCO

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

  • ติดตามหุ้นเข้า-ออก SET50 ที่รอลุ้นการพิจารณาเกณฑ์ของตลาด
  • กระแสข่าวการเสนอยกเลิก Program Trading
  • การประชุม ครม. ครั้งหน้า คาดเคาะค่าไฟฟ้าใหม่ และลุ้นของขวัญปีใหม่
  • เม็ดเงินการลงทุน TESG และ นลท. ในประเทศ และโอกาส Window dressing ของสถาบันฯ
  • ทิศทาง Bond yields 10 ปี ของสหรัฐฯ ยังลดลงต่อเนื่อง
  • ปัจจัยมหภาคติดตามต่อ ได้แก่ ตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งจีน หากออกมาดีเป็นบวก, GDP และเงินเฟ้อ PCE ของ สหรัฐฯ

Global Investing Brief: หุ้นสหรัฐฯ บวกต่อ รับดอกเบี้ยจบรอบขาขึ้น ด้าน Intel เปิดตัวชิปใหม่

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

  • 3 ดัชนีหลักสหรัฐฯ ปรับขึ้นต่อ 0.2-0.3% เมื่อวานนี้ นำโดย Tesla (TSLA) +4.9% Caterpillar (CAT) +6.4% และ Home Depot (HD) +2.4% หลังตลาดคาดว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือน มี.ค. 67 จากการที่ Fed ได้ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือน พ.ย. 66 ที่เพิ่มขึ้น 0.3%MoM ฟื้นจากที่ลดลง 0.2%MoM ในเดือนก่อน หนุนความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจไม่เผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอย
  • Adobe (ADBE) -6.4% ปิดที่ $584.64 แม้เผยงบเดือน ก.ย.-พ.ย. 66 (F4Q66) ดีกว่าคาดเมื่อ 13 ธ.ค. 66 โดยรายได้โต 12%YoY แตะ $5.1bn และกำไรโต 26%YoY แตะ $1.5bn หนุนจากฟีเจอร์ AI ช่วยสร้างรูปภาพ “Firefly“ แต่บริษัทเผยคาดการณ์รายได้ปีบัญชี 67 (ธ.ค. 66 – พ.ย. 67) ที่ $21.3-$21.5bn น้อยกว่าตลาดคาดที่ $21.7bn ทั้งนี้เรายังมองบวกต่อหุ้นในระยะยาวที่มีธีม AI สนับสนุน โดยนักลงทุนอาจรอจังหวะลงทุนบริเวณแนวรับ $570 ที่ให้ไว้ในรายงาน US Stock Spotlight เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 66 ด้าน TP จาก Bloomberg cons. อยู่ที่ $638.32 (upside 9.2%)

ตลาดหุ้นฮ่องกง

  • วานนี้ดัชนี Hang Seng ฟื้น 1.1% นำโดย Sunny Optical (2382) +4.3% AIA (1299) +3.6% Xiaomi (1810) +2.7% ขานรับ sentiment เชิงบวกที่ Fed ส่งสัญญาณจบรอบการขึ้นดอกเบี้ย อีกทั้งยังมีปัจจัยบวกจากการที่ตลาดมองว่าปัญหาในภาคอสังหาฯ อาจเริ่มดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 67 หลังมองว่ามาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนอาจเริ่มเห็นผล
  • BYD (1211) เผยที่จะเร่งขยายสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลังยอดส่งมอบรถ EV เดือน พ.ย. 66 ในจีนทรงตัวจากเดือน ต.ค. 66 ที่ 301,903 คัน โดยเรามองว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อรายได้ของบริษัท เนื่องจากรถ EV ของ BYD มีราคาที่จับต้องได้เมื่อเทียบ EV ต่างชาติแบรนด์อื่น เช่น รถ BYD Seal มีราคาถูกกว่ารถเทียบเคียง Tesla Model 3 ราว 25% ในยุโรป ขณะที่คาดการณ์จาก Bloomberg cons. เผยรายได้ของ BYD อาจโต 28%YoY แตะ RMB779.5mn ด้าน TP อยู่ที่ HKD337.18 (upside 64.3%)

ตลาดหุ้นเวียดนาม

  • วานนี้ดัชนี VN ลบ 0.4% โดย VHM -1.1% SAB -1.6% MSN -1.2% หลังธนาคาร Asian Development ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 66 ของเวียดนามลงจากโต 5.8%YoY สู่ 5.2%YoY จากผลกระทบของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดีเรายังคงมองบวกต่อเศรษฐกิจเวียดนามในระยะยาว หลังคาดว่าจะมีปัจจัยหนุนจากการขยายเวลาลด VAT ไปจนถึงกลางปี 67 ที่จะหนุนต่อภาคการบริโภค
  • FPT Retail (FRT) เผยผลขาดทุน VND21bn ใน 3Q66 จากการเร่งขยายร้านขายยา Long Chau ในช่วงที่ผ่านมาให้ครอบคลุมพื้นที่ในเวียดนามมากขึ้น โดยส่งผลให้โบรกเวียดนามปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรของร้านขายยาขึ้น เป็นโตราว 61%YoY ในปี 67 และคาดว่าจะหนุนให้ FRT พลิกกลับมามีกำไรในปี 67 ด้าน TP จาก Bloomberg cons. อยู่ที่ VND105,325 (upside 5.3%)

หุ้นเด่นประจำวัน : Intel (INTC.US)

  • Intel เปิดตัวชิป CPU สำหรับโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ “Core Ultra” โดยบริษัทเผยว่ามีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับชิป Apple M3 และได้เริ่มวางขายแล้ว
  • เรามองเป็นปัจจัยหนุนรายได้ Intel ในระยะยาว โดยคาดการณ์จาก Bloomberg cons. เผยรายได้ในปี 67 มีแนวโน้มโต 14%YoY แตะ $61.6bn จากที่อาจหดตัวในปีนี้

 

- Advertisement -