KS Daily View 15.12.2023 >>> คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,400 จุด มองตลาดหุ้นไทยยืนได้ต่อเนื่อง หลัง FED, ECB, BOE คงอัตราดอกเบี้ย แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หุ้นแนะนำ GPSC, PTTEP

สรุปภาวะตลาดเมื่อวานนี้

  • ต่างประเทศ : ดัชนี DJIA +0.43%, S&P 500 +0.26%, NASDAQ +0.19%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Energy (+2.94%), Real estate (+2.62%), Materials (+1.67%), ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่ Consumer Staples (-1.47%), Utilities (-1.27%), Health Care (-0.55%) เป็นต้น
  • ในประเทศ: SET Index +20.97 จุด หรือ +1.54% ปิดที่ 1,378.94 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ HANA (+8.20%), TIDLOR (+7.41%), GPSC (+6.18%), SAWAD (+5.59%) เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ SABUY (+1.94%), CHG (-1.35%), TU (-1.33%), TTB (-1.27%) เป็นต้น

แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ:

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,370 – 1,400 จุด ในวันนี้ คาดตลาดยืนได้จากวันก่อนหน้า หลัง FEB, ECB, BOE คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวขึ้น เป็นแรงหนุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลงเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มโรงไฟฟ้า

ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:

1.) ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันนี้ตามการคาดการณ์ของตลาด โดยเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2  การคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ระดับ 4.00% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ที่ระดับ 4.75% ส่วนอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์อยู่ที่ระดับ 4.50%           การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยของ ECB มีขึ้น หลังเงินเฟ้อในยูโรโซนชะลอตัวสู่ระดับ 2.4% ในเดือนพ.ย. ใกล้เคียงกับเป้าหมายเงินเฟ้อของ ECB ที่ระดับ 2% ขณะเดียวกัน ECB ประกาศปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของยูโรโซน สู่ระดับ 0.6% ในปีนี้ จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 0.7% และปรับลดคาดการณ์ GDP ในปี 2567 สู่ระดับ 0.8% จากเดิมที่ระดับ 1.0% ขณะที่คงคาดการณ์ GDP ในปี 2568 ที่ระดับ 1.5%

2) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 6-3 ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25% สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แถลงการณ์ระบุว่าจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไปอีกระยะหนึ่ง และอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หากมีหลักฐานบ่งชี้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ การตัดสินใจของ BoE ในวันนี้ ถือเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกัน 14 ครั้ง

3) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันพฤหัสบดี (14 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีหน้า ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 2.11 ดอลลาร์ หรือ 3.04% ปิดที่ 71.58 ดอลลาร์/บาร์เรล

4) เวิลด์แบงก์ ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 66 เหลือ 2.5% จากเดิมคาด 3.4% และในปี 67 ขยายตัวเหลือ 3.2% จาก 3.5% กรณีไม่รวมเงินดิจิทัลวอลเล็ต ถ้ารวมดิจิทัลวอลเล็ตจะเพิ่มอีก 1% กระจายใน 2 ปี และคาดจีดีพีในปี 68 ขยายตัว 3.1%

5) กระทรวงพลังงานไทยเตรียมนำมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เรื่องการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้างวดใหม่ (ม.ค.-เม.ย.67) ให้ครม.พิจารณา ภายใน 19 ธ.ค.นี้ โดยมติกพช.ล่าสุดคือค่าไฟไม่เกินหน่วยละ 4.20 บาท และสำหรับประชาชนกลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนนั้น จะคงอัตราค่าฟ้าไว้ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย

Theme การลงทุนสัปดาห์นี้

ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 1,370-1,400 จุด แม้ Sentiment การลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกยังคงเป็นบวกจากโอกาส Soft landing ของเศรษฐกิจโลกที่มีมากขึ้นในปีหน้า สำหรับปัจจัยอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.) การประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออก SET50; 2.) ความคืบหน้ามาตรการดิจิตอลวอลเล็ต; 3.) เม็ดเงินจากกองทุนลดหย่อนภาษี (Thai ESG); และ 4.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ดัชนี CPI, PPI, ยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือน ธ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ของสหรัฐฯ ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน อาทิ ยอดค้าปลีก การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร

หุ้นแนะนำวันนี้ Top pick:

  • GPSC (ราคาพื้นฐาน 53 บาท) เราเห็นสัญญาณเชิงบวกต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลงจาก FED dot plot ซึ่งแสดงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งในปี 2024 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยน่าจะลดลงตามส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงฟฟ้า
  • PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) ราคาน้ำมันดิบ Brent เริ่มรีบาวน์ขึ้น 2.69% เป็นผลดีกับหุ้น PTTEP ขณะที่ OPEC+ ยังคงลดกำลังการผลิต ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีหน้า

รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ

  • วันศุกร์ ติดตามตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของญี่ปุ่นเบื้องต้น ตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 49.5 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 48.3 และภาคบริการตลาดคาดไว้ที่ 52 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 50.8 รวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน ตลาดคาดขยายตัวที่ 5.8% YoY เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 4.6% และยอดค้าปลีกของจีน ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 11% เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 7.6% และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของสหรัฐฯ จัดทำโดย S&P Global เบื้องต้นคาดไว้ที่ 49.2 เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 49.4
- Advertisement -