ยังมีทางให้ไปต่อ / 1,385-1,405

มุมมองตลาดหุ้นวันนี้

  • SET แกว่งตัว Sideways อิงในทางบวก: คาดแรงหนุนมาจากมาตรการรัฐ โดยติดตามการประชุมครม.ในการพิจารณามาตรการ ดังต่อไปนี้ 1) ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.99 บาท/หน่วย สำหรับกลุ่มเปราะบาง รวมไปถึงการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 2) การพักหนี้เกษตรกรและ SME ของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระเงินต้น และลดดอกเบี้ย และ 3) 18 มาตรการของขวัญปีใหม่จากก.มหาดไทย อาทิ ลดก่อหนี้นอกระบบ และขยายเวลาค้างค่าไฟ เป็นต้น ทั้งนี้ หากครม,เห็นชอบมาตรการข้างต้น จะเป็นปัจจัยหนุนต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค และเป็น Sentiment ทางบวกต่อหุ้นในกลุ่มจับจ่ายใช้สอยและเกี่ยวเนื่อง ด้านหุ้นในกลุ่มพลังงานคาดได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 1.5% ปิดที่ 572.47 ต่อบาร์เรล ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันในตลาดโลก อาจได้รับผลกระทุบจากการที่กลุ่มกบฏฮูติในเยเมนก่อเหตุโจมตีเรือบรุรทุกสินค้าในทะเลแดง กอปรกับได้ปัจจัยบวกจากข่าวรัสเซียลดการส่งออกน้ำมัน 5 หมื่นบาร์เรล/วัน หรือมากกว่านั้นในเดือนธ.ค. ซึ่งเร็วกว่าที่ให้คำมั่นสัญญาก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ คาด SET Index จะมีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่อยู่ใน SETESG รวมถึงหุ้นที่ถูกประกาศเข้าสู่ SET50/100 อย่างไรก็ดี มองทางขึ้นจำกัดจากเนื่องจากอาจมีแรงขายทำกำไรบ้าง หลัง SET Index ได้ปรับตัวขึ้นมาติดต่อกัน 3 วันทำการ ขณะที่เช้านี้ติดตามผลการประชุม BoJ เช้านี้ โดยทางฝ่ายคาดจะยังคงนโยบายการเงินผ่อนคลายพิเศษหากแต่มองว่ามีแนวโน้มที่จะส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินในอนาคต ส่วนคืนนี้ติดตามเงินเฟ้อยุโรโซนเดือนพ.ย. ตลาคาด Headline CPI และ Core CPI ขยายตัว 2.4% y-y และ 3.6% y-y ชะลอลงจาก 2.9%y-y และ 4.2% y-y ในเดือนต.ค.ทั้งนี้เงินเฟ้อที่ชะลอลงต่อเนื่องจะเป็นปัจจัยหนุนให้ ECB เข้าใกล้นโยบายการเงินผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
  • กลยุทธ์การลงทุน : 1) มาตรการรัฐ: CPALL, CPN, CRC, GLOBAL, KTC, MTC 2) TESG+Big Cap.: BBL, BEM, KBANK, PTT, SCB 3) พลังงาน PTTEP, SPRC, TOP และ 4) Selective play: DELTA, PSL, RCL, SAT, SC, SPALI, TTA

ปัจจัยบวก

  • SET ประกาศหุ้นใหม่ที่จะได้เข้าคำนวณ SET50: KCE และ SET100: AEONTS, ICHI, IIC, KCE, M, MOSHI, RBF, SAPPE, SISB, TKN, TOA
  • นายกฯ โรดโชว์แลนด์บริดจ์ โดยมีบริษัทชันนำของญี่ปุ่นเกือบ 30 บริษัทให้ความสนใจร่วมเข้ารับฟัง พร้อมทั้งได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากนักลงทุนญี่ปุ่น เพื่อนำมาประกอบในการจัดทำร่างเอกสารเชิญชวนผู้ลงทุนในการร่วมลงทุนโครงการต่อไป
  • SMED Bank เผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ต่อศก. และธุรกิจ 4Q66 อยู่ที่ระดับ 67.81 ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยจาก 66.40 ใน 3Q66 จากอยู่ในช่วงเทศกาล ทำให้มีแน้วโน้มการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ประกอบกับความคาดหวังต่อการขับเคลื่อนศก.ของรัฐบาล
  • ที่ประชุมสำนักงานศก.และการเงินของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเผยศก.จีน มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 67 จากสภาพแวดล้อมทางศก.ที่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจ ทำให้จีนมีโอกาสเติบโตมากกว่าที่จะเผชิญอุปสรรคในปี 67

ปัจจัยลบ

  • นายออสแทน กูลส์บี ปธ.เฟดชิคาโกเผยว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่เฟดจะประกาศชัยชนะในการต่อสู้กับเงินเฟ้อ และการตัดสินใจเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้นจะขึ้นอยู่กับข้อมูลศก.ที่เฟตจะได้รับในวันข้างหน้า
  • Ifo เผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมนีอยู่ที่ 86.4 ในเดือนธ.ค. ลดลงจาก 87.2 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าตลาดคาดที่ 87.8 สะท้อนภาพศก.เยอรมนียังคงอ่อนแอ
  • อังกฤษประกาศว่าจะเริ่มเก็บภาษีคาร์บอนหรือที่เรียกว่ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) กับสินค้านำเข้าบางประเภทภายในปี 2570 ซึ่งภาษีนี้จะส่งผลต่อผลิตภัณฑ์จากประเทศที่มีการกำหนดภาษีคาร์บอนต่ำหรือไม่มีเลย

PICKS OF THE DAY

BBL BUY
  • เป้าหมาย 156.00 / 160.00 แนวรับ 148.00 / 150.00
  • เชี่ยวชาญสินเชื่อขนาดใหญ่ และสินเชื่อต่างประเทศ: BBL มีความเชี่ยวชาญทางด้านสินเชื่อขนาดใหญ่ ที่คาดว่าจะกลับมาลงทุนหลังจากมีความชัดเจนของรัฐบาล และนโยบายต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีเครือข่ายสาขาในต่างประเทศมากที่สุด โดยเฉพาะในอินโดนีเซียที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และ BBL ได้เข้าซื้อ ธ.เพอร์มาต้า
  • ลุ้นการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ: เงินบาทที่แข็งค่า อาจจะทำให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีเพิ่มมากขึ้น และ BBL อาจจะมีข้อได้เปรียบในการเป็นธนาคารขนาดใหญ่ของไท

SPALI BUY

  • เป้าหมาย 18.50 / 19.00 แนวรับ 17.50
  • หุ้นขึ้นรับข่าวลงทุนเพิ่ม: SPALI ประกาศข่าวลงทุน (JV) ซื้อโครงการอสังหาฯจาก Lendlease ผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ในออสเตรเลีย ทำให้มีมูลค่าอสังหาฯลงทุนในออสเตรเลียเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า มูลค่ารวม 11,593 Million AUD ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ 2Q67 เป็นต้นไป เป็นอีก 1 ปัจจัยใหม่เข้ามาทำให้มีส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มขึ้น และช่วยเพิ่มอัตรากำไรสุทธิให้สูงขึ้นในปีหน้า
  • Div. yield สูงกว่าเฉลี่ย: ปัจจุบันราคาหุ้นได้ลงมาในระดับต่ำแล้ว หากมองถึงปี 67 ที่จะเปิดโครงการเพิ่มมากขึ้น และมีคอนโดครบกำหนดโอนมากกว่าปี 66 ทำให้คาด Div. yield ปี 67 อยู่ที่ 6.2% ยังสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 5.7%
- Advertisement -