KS Daily View 19.12.2023 >>> ราคาน้ำมันดิบพุ่ง หลัง BP ระงับขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดง คาดดัชนีปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,390-1,410 จุด หุ้นแนะนำเก็งกำไร PTTEP, DELTA
สรุปภาวะตลาดเมื่อวันก่อน
ต่างประเทศ: ดัชนีDJIA +0.00%, S&P 500 +0.45%, NASDAQ +0.62%โดย Sector ที่ outperform ใน S&P500 ได้แก่ Communication (+1.89%), Consumer Staples (+1.1%), Consumer Discretionary (+0.79%) ส่วน Sector ที่ Underperform ได้แก่Real Estate (-0.35%), Utilities (-0.30%) เป็นต้น
ในประเทศ: SET Index +2.38 จุด หรือ +0.17% ปิดที่ 1,393.41 จุด หุ้นใน SET100 ที่ราคาเพิ่มขึ้นมากสุด ได้แก่ PSL (+7.88%), RCL (+7.39%), STGT (+7.32%), DELTA (+3.90%)เป็นต้น ส่วนหุ้นที่ราคาลดลงต่ำสุด ได้แก่ BLA (-2.53%), MEGA (-2.48%), BAM (-2.42%), TLI (-2.16%) เป็นต้น
แนวโน้มตลาดหุ้นในประเทศ: ประเมินตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,390 – 1,410 จุด วันนี้ จากแรงหนุนหุ้น DELTA ยังอยู่ในการคำนวณดัชนี SET50 สำหรับ 1H24 นอกจากนี้คาดจะมีแรงเก็งกำไรต่อในกลุ่มพลังงาน, เรือ Container, Freight forwarder และผู้ส่งออก ซึ่งคาดจะได้ประโยชน์ในระยะสั้นจากประเด็นการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตีในทะเลแดง
ประเด็นสำคัญที่เป็นกระแสในช่วงนี้และมีผลต่อการลงทุน:
1.) สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Lloyd Austin รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังเฉพาะกิจทางทะเลชุดใหม่ที่มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องเรือพาณิชย์ที่เดินทางผ่านทะเลแดงจากการโจมตีของกลุ่มติดอาวุธฮูตี โดยมีสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร บาห์เรน แคนาดา ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ เซเชลส์ และสเปน อย่างไรก็ตามกลับไม่มีชาติอาหรับเข้าร่วมในกองกำลังดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งนี้ประเมินสงครามอิสราเอล-ฮามาสได้ขยายวงไปเป็นสงครามระหว่างรัฐกับกลุ่มที่ไม่ใช่รัฐแล้ว ทำให้มีโอกาสยืดเยื้อ และจะกระทบกิจกรรมการขนส่งทางทะเลในภาพรวม หลังสายเรือหลักทยอยเลี่ยงเส้นทางทะเลแดง
2.) ติดตามทิศทางค่าเงินเยนวันนี้หลังการประชุม BOJ โดยหากมีการส่งสัญญาณใช้นโยบายการเงินในเชิงที่เข้มงวดมากขึ้น โดยตลาดคาดว่า BOJ จะยกเลิก ดอกเบี้ยติดลบ เม.ย.ปีหน้า และยกเลิก Yield Curve Control หลังจากนั้น คาดจะทำให้เยนแข็งค่า และดอลลาร์อ่อนค่าหนุน Flow ไหลเข้าเอเชียต่อ แต่หากยังคงท่าทีผ่อนคลายนโยบายการเงินจะทำให้เยนอ่อนค่า
3.) หุ้นเข้าออก SET50/SET100 รอบ 1H24 ได้แก่ SET50 (KCE เข้า TIDLOR ออก) และ SET100 (AEONTS ICHI ITC M MOSHI RBF SAPPE SISB TKN TOA เข้า ส่วน ACE CKP MBK PSL PTG SABUY STEC THANI TIPH TQM ออก) ประเมินจะมีแรงเก็งกำไรระยะสั้นใน DELTA, TLI ที่ไม่หลุด ส่วน TIDLOR อาจมีแรงขายทำกำไรโยกไปหุ้น Finance ตัวอื่นๆ ที่ยัง laggard กลุ่ม
4.) SCGP ประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Starprint ซึ่งประกอบกิจการทำบรรจุภัณฑ์กล่องกระดาษ และพลาสติก ในเวียดนาม เข้าซื้อหุ้น 70%ใช้เงินประมาณ 1 พันลบ. คาด contribute ให้ SCGP ประมาณ 2% ของกำไรทั้งปี คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 35 บาท
Theme การลงทุนสัปดาห์นี้
ประเมินตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1,380-1,440 จุด ในสัปดาห์นี้ โดยมีปัจจัยหนุนจาก การอ่อนค่าของ USD หลังเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยชัดเจนในปีหน้า หนุน Funds flow ไหลเข้าลงทุนในตลาด Emerging market โดยตลาดหุ้นไทยที่ยัง laggard ดัชนี MSCI ACWI มากกว่า 30% YTD นอกจากนี้คาดจะเห็นเม็ดเงินกองทุน Thai ESG เริ่มทยอยเข้าลงทุนหลังจบช่วง IPO และอาจเห็นการทำ window dressing ช่วงปลายปีด้วย สำหรับปัจจัยอื่นๆที่ต้องติมในสัปดาห์หน้าได้แก่ 1.) การประชุม BOJ และ PBOC; และ 2.) ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน, ยอดขายบ้านใหม่, ยอดขายบ้านมือสอง, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, รายได้และรายจ่ายส่วนบุคคล, ดัชนี PCE/Core PCE Price Index เดือนพ.ย. ของสหรัฐฯ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน พ.ย. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น
หุ้นแนะนำวันนี้
Top pick:
PTTEP (ราคาพื้นฐาน 180 บาท) ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ +1.86% เป็น US$77.97/bbl หลังรัสเซียลดการส่งออกน้ำมัน 50,000 BOED หรือมากกว่าในเดือน ธ.ค. เร็วกว่าคาด และบริษัทบีพีซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ประกาศระงับการขนส่งน้ำมันผ่านทะเลแดงบนภัยคุกคามจากการโจมตีของกลุ่มกบฏฮูตี
DELTA (ราคาพื้นฐาน 87 บาท) คาดได้sentiment บวกจากการที่ยังคงอยู่ในการคำนวณดัชนี SET50 รอบ 1H24 ผสานกับดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีก +0.62% DoD
รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ
- วันอังคาร ติดตาม ผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น BOJ ตลาดคาดคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% ช่วงข้ามคืนติดตามตัวเลขภาคอสังหาฯของสหรัฐฯ โดยมีรายงานตัวเลขอนุญาตก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ (Building permits) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 1.48 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.49 ล้านยูนิต และตัวเลขการเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ (Housing starts) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 1.36 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 1.37 ล้านยูนิต
- วันพุธ ติดตาม การประกาศตัวเลขอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงของทางการจีนระยะ 1 และ 5 ปี หรือ Loan prime rate ตลาดคาดทางการจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 3.45% และ 4.20% ตามลำดับ ต่อด้วยรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ (CB Consumer Confidence) สำหรับเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ 103.8 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 102 จุด และติดตามตัวเลขยอดขายบ้านที่ไม่รวมบ้านสร้างใหม่ (Existing Home Sales) ของเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 3.78 ล้านยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 3.79 ล้านยูนิต
- วันพฤหัสฯ ติดตาม การประกาศตัวเลข GDPสหรัฐฯสำหรับไตรมาสที่ 3 โดยจะเป็นประกาศเพื่อปรับปรุงทบทวนตัวเลขครั้งสุดท้าย ตลาดคาดที่ 5.2% เท่ากับที่ประกาศทบทวนครั้งก่อนหน้าที่ 5.2% ต่อด้วยติดตามตัวเลขดัชนีภาคการผลิตPhilly Fed Manufacturing Index ของเดือน ธ.ค. ตลาดคาดที่ -3 จุด เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.9 จุด ในส่วนของประเทศไทยติดตามตัวเลขยอดขายรถยนต์สำหรับเดือน พ.ย. โดยข้อมูลเดือนก่อนหน้ารายงานยอดขายได้ที่ 58,963 ยูนิต หรือ -8.75% YoY
- วันศุกร์ ติดตาม ตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐฯ (Durable goods orders) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ +1.7% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ -5.4% MoM และ ตัวเลขยอดขายสินค้าคงทนของสหรัฐฯที่ไม่รวมยานยนต์ (Core Durable goods orders) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ +0.2% MoM เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ +0.0% MoM ต่อด้วยตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐฯ (New Home Sales) สำหรับเดือน พ.ย. ตลาดคาดที่ 6.95 แสนยูนิต เทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.79 แสนยูนิต