นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI

STI ผู้นำกลุ่มวิศวกรควบคุมงานก่อสร้าง กางแผนปี 67 สัญญาณดี พร้อมลุยงานโครงการ เดินหน้าต่อยอดธุรกิจ สร้างฐานรายได้ให้เติบโตอย่างมั่นคง

บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ (STI) ประกาศแผนใหญ่รับปีมังกรทอง พร้อมลุยประมูลงานใหม่ บุกควบคุมงานก่อสร้างอาคารและอินฟราสตรัคเจอร์ที่กลุ่ม STI เชี่ยวชาญ สอดรับงบประมาณการลงทุน และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ประกอบกับ ด้วยความเชี่ยวชาญขั้นสูงของวิศวกรเฉพาะทาง ทำให้กลุ่ม STI ได้รับความไว้วางใจให้ดูแลโปรเจกต์หลากหลายประเภท โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มอุตสาหกรรม และควบคุมงานก่อสร้างที่มุ่งเน้นนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน รวมถึง อาคารเขียว (Green Building) นอกจากนี้ STI ดึงผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบมาร่วมขยายธุรกิจ รองรับโปรเจกต์ชั้นนำ หนุนแผนโตระยะยาว

สำหรับ Backlog ณ สิ้นตุลาคมอยู่ที่ 3,789.6 ล้านบาท วางเป้ารายได้ปี 67 โต 10% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาบัญชี เป็นเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนของทุกปี

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ผู้นำในกลุ่มธุรกิจวิศวกรที่ปรึกษาบริหารและควบคุมงานก่อสร้างครบวงจร กล่าวว่า แนวโน้มรายได้ปี 2567 คาดว่าจะเติบโต จากงานโครงการในมือทยอยส่งมอบตามแผน ขณะที่ โครงการภาครัฐขนาดใหญ่หลายโครงการเริ่มกลับมาเดินหน้า สนับสนุนการทยอยรับรู้รายได้เข้ามาเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2566 มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3,789.6 ล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 80.5% และภาคเอกชน 19.5%

พร้อมประกาศแผนปี 2567 วางกลยุทธ์หลัก ต่อยอดความเชี่ยวชาญใน 3 ธุรกิจหลัก เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต และกระจายรายได้ในหลากหลายช่องทาง ประกอบด้วย

ธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง มองปี 2567 สัญญาณดี จากภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในประเทศมีแนวโน้มสดใส สอดรับนโยบายรัฐบาลชุดใหม่ที่มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจัดทำแนวทางงบประมาณและยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งกรอบงบฯ ใหม่วงเงินสูงขึ้น พร้อมเดินหน้าลงทุนในงานโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค ในด้านกระทรวงคมนาคมที่จะเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ด้วยภารกิจหลัก คือ การพัฒนาระบบการคมนาคมขนส่งทั้ง ทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ ส่งผลให้กลุ่ม STI มีโอกาสเข้าไปประมูลงานเพิ่มมากขึ้น

สะท้อนจากช่วงที่ผ่านมา บริษัท เอเชี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC (บริษัทในกลุ่ม) ได้งานสำรวจและออกแบบโครงการมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ  โครงการ “การศึกษาความเหมาะสมเบื้องต้นและออกแบบแนวคิดเบื้องต้นเส้นทางท่องเที่ยวเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ช่วงจังหวัดระนอง – จังหวัดสตูล โครงการจ้างสำรวจออกแบบโครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง ระยะที่ 3 เป็นต้น

ในส่วนของภาคเอกชน โครงการลงทุนขนาดใหญ่ก็ยังเดินหน้าไปตามกระบวนการ และไทม์ไลน์ หลายโครงการในมือของ STI เป็นไปตามแผนการส่งมอบ ไม่ว่าจะเป็นบิ๊กโปรเจกต์อย่าง One Bangkok ที่ชูคอนเซ็ปต์ต้นแบบการก่อสร้างยั่งยืน หรือ กรีนสมาร์ทซิตี้แห่งแรกในไทย ที่เตรียมเปิดเฟสแรกให้บริการอาคารสำนักงาน     Tower 4 กลางปี 2567 นี้ รวมทั้ง งานกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และโครงการอื่นๆ ซึ่งจะทำให้ STI มีการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้ง ให้ความสำคัญในด้าน Sustainability การพัฒนาวิศวกรด้านกฎระเบียบ และความรู้เฉพาะทาง ในงานโครงการที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ผ่านประสบการณ์ควบคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C  ถือเป็นโครงการต้นแบบและเปิดโอกาสในการรับงาน และมีศักยภาพในการแข่งขันในระดับสากล

นอกจากนี้ กลุ่ม STI ยังมองเห็นโอกาสการขยายไปในกลุ่มประเทศ CLMV จากก่อนหน้านี้ได้รับความไว้วางใจให้บริหารโครงการก่อสร้างที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตรแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายธุรกิจควบคุมงานก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐานในประเทศกัมพูชาและเวียดนามเพิ่มเติม เนื่องจากประเทศดังกล่าวมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง จึงเป็นโอกาสในการรับงานเพิ่มขึ้น

ด้าน ธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม กลุ่ม STI พร้อมต่อยอดการเติบโตหลังได้ผู้เชี่ยวชาญด้านงานออกแบบมาช่วยขยายงานส่วนนี้ เพื่อลุยโปรเจกต์ชั้นนำ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ให้ความสำคัญในงานออกแบบ และสนับสนุนการให้บริการอย่างครบวงจร

นายสมเกียรติ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ในปี 2566 เศรษฐกิจค่อนข้างชะลอตัว หลายโครงการมีการล่าช้า แต่เราก็มีแผนเตรียมรับมือในการบริหารจัดการอย่างเข้มข้น และมองในปี 2567 แม้จะท้าทาย แต่เชื่อว่าจะเป็นปีที่โดดเด่นของกลุ่ม STI จากภาพรวมงานโครงการที่จะฟื้นตัวต่อเนื่องในปีนี้ รวมถึงเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ที่จะทยอยออกมารับนโยบายภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ อีกทั้ง การกระจายแหล่งรายได้ ขยายไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ร่วมกับพันธมิตร เป็นหนึ่งในแผนที่เราวางไว้ รวมทั้ง ดึงมือดีเข้ามาช่วยรุกธุรกิจงานออกแบบสถาปัตยกรรม เพื่อสนับสนุนบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราพร้อมที่จะตอบโจทย์ลูกค้า และควบคุมงานก่อสร้างที่ยั่งยืน พร้อมกับตั้งเป้ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตอยู่ที่ 10​% จากปีก่อน”

 ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงรอบระยะเวลาบัญชี เป็นเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนของทุกปี พร้อมกับไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท เพื่อตอกย้ำความแข็งแกร่งของบริษัท และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ไว้วางใจ กำหนดจ่ายปันผลภายใน 23 กุมภาพันธ์ 2567 โดยสิทธิในการรับเงินปันผลดังกล่าวต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 24 มกราคม 2567

- Advertisement -