รัฐบาลเดินหน้าลดค่าครองชีพ เป็นบวกต่อกลุ่มบริโภคและการเงิน
Market Update
ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.68% ขณะที่ Nasdaq ปิดเหนือระดับ 15,000 นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน ม.ค. 22 แรงหนุนหลักยังคงมาจากการผ่อนคลายดอกเบี้ยนโยบายจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1.64% ได้แรงหนุนจากอุปทานน้ำมันในตลาดจากกรณีโจมตีเรือบรรทุกในทะเลแดง
Market Outlook
เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานใบขออนุญาตก่อสร้างที่ 1.46 ล้านใบอนุญาต ใกล้เคียงกับที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ และรายงานยอดสร้างบ้านใหม่ที่ 1.56 ล้านหลังคาเรือน สูงกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 1.36 ล้านหลังคา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังดูไม่กังวลกับตัวเลขยอดสร้างบ้านใหม่ที่สูงกว่าคาดเพราะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปียังทรงตัวในทิศทางขาลง พร้อมกับ CME FED Watch ยังไม่ปรับเปลี่ยนมุมมองด้านดอกเบี้ยโดยให้น้ำหนัก 91.7% ที่ FED จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือน ม.ค. ส่วนคืนนี้รอติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากสถาบัน CB และยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐฯ ตามกำหนดการรายงานในช่วง 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 104.6 และ 3.77 ล้านหลังคาเรือน ตามลำดับ หากรายงานแล้วต่ำกว่าคาดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อตลาดหุ้นทั่วโลก
ปัจจัยในประเทศวานนี้มีประชุม ครม. ซึ่งได้ออกนโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชนด้วยการตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 3.99 บาท / หน่วย สำหรับครัวเรือนที่ใช้ไฟน้อยกว่า 300 หน่วยบาท / เดือน ส่วนกลุ่มที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 300 หน่วย / เดือน ได้ปรับลดค่าไฟฟ้าจากเดิม 4.68 บาท / หน่วย เป็นไม่เกิน 4.2 บาท / หน่วย แต่จะเป็นเท่าใดนั้นอยู่ระหว่างพิจารณาราคาแก๊สในช่วง 1 ม.ค. 23 และคงราคาดีเซลไว้ 30 บาท / ลิตร ส่วนเบนซินยังไม่สิ้นสุดมาตรการ หากสิ้นสุดแล้วจะพิจารณาอีกครั้ง มองหุ้นได้ประโยชน์ไปยังกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศจากต้นทุนการใช้ชีวิตที่จะลดลง อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) และกลุ่มการเงิน (SAWAD TIDLOR) เนื่องจากเงินเฟือที่จะยังอยู่ระดับต่ำหนุนดอกเบี้ยนโยบายไทยผ่านจุดสูงสุด และต้นทุนใช้ชีวิตของประชาชนที่ลดลงจะเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้
วันนี้ประเมิน SET INDEX แกว่งขึ้นในกรอบ 1395 – 1410 รับปัจจัยหนุนจากกลุ่มน้ำมัน และจิตวิทยาการลงทุนที่ดูเป็นบวกจากการปรับขึ้นของตลาดหุ้นญี่ปุ่นและสหรัฐฯเมื่อคืน เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังคงมองบวกกับดัชนีบริเวณปัจจุบันด้วย Valuation ที่น่าสนใจ จึงยังแนะทยอยสะสมรอการฟื้นตัวในปีหน้า เน้นที่หุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ท่องเที่ยว (AOT MINT) ศูนย์การค้า (CPN) ธนาคาพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) กลุ่มการเงิน (SAWAD TIDLOR)
หุ้นแนะนำซื้อวันนี้
CK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 27.00 บาท)
ปี 24 ยังคงเป็นปีที่ดีของ CK ต่อเนื่องอีกปี หลังจากที่มีงานในมือสูงกว่า 130,000 ล้านบาท ซึ่งงานสำคัญอย่างรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนใต้ งานรถไฟทางคู่เด่นชัยเชียงของ และงานเขื่อนหลวงพระบาง จะมีความคืบหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลดีจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนคาดว่ายังเติบโตได้ โดยเฉพาะจาก BEM ที่คาดว่าปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากการ ท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว และการเปิดโครงการ One Bangkok ที่อยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
TIDLOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท)
คาดว่ากำไรจะโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/23 พร้อมกับคุณภาพสินเชื่อที่ยืดหยุ่นดีในครึ่งหลังปี 2023 ซึ่งจะเอื้อให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญในปี 2024-25 ลงได้ ขณะที่คาดว่ากำไรจะโต 6.6% YoY สำหรับทั้งปี 2023 และโตอย่างมั่นคงในระดับ 21.7%/21.1% ในช่วงปี 2024-25 หนุนจาก NII และเบี้ยประกันที่สูงขึ้น บวกกับค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลง