บล.บัวหลวง: 

Charoen Pokphand Foods (CPF TB / CPF.BK)

CPF – ขายธุรกิจไก่ในประเทศจีน

เรามองว่าการขายธุรกิจไก่ครบวงจรในประเทศจีนจำนวน 4 บริษัทจะส่งผลบวกในระยะยาวต่อ CPF เนื่องจากบริษัทจะไม่ต้องทำการ รับรู้ผลขาดทุนสุทธิจากธุรกิจไก่ในประเทศจีนอีกต่อไป เป้าหมายถัดไปในอนาคต ได้แก่ การขายธุรกิจหมูในประเทศจีน CPF ยังคงเป็นหุ้นสำหรับธีมการลงทุนการพลิกฟื้นกลับไปเป็นกำไรสำหรับในปี 2567

การขายธุรกิจไก่ครบวงจร 4 แห่งในประเทศจีน

บริษัท CP Food Investment จำกัด (CP Food) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยโดยทางอ้อมที่บริษัท ซี.พี. โภคภัณฑ์ จำกัด (CPP) ถือหุ้นในสัดส่วน 100% ได้ตัดสินใจขายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัทไก่ครบวงจรจำนวน 4 แห่งในประเทศ จีน (หรือจะเรียกต่อไปว่า “บริษัทเป้าหมาย”) ให้กับบริษัท Chia Tai C.P. Trading Development จำกัด (Chia Tai CP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทในกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ (CPG) มูลค่าของธุรกรรมรายการซื้อขายนี้อยู่ที่ 432 ล้านหยวน (หรือคิดเป็น 2,152 ล้านบาท) และรายการนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/66

“บริษัทเป้าหมาย” คือบริษัทในประเทศจีนที่ประกอบธุรกิจไก่ครบวงจร ซึ่งได้แก่ ธุรกิจฟักไข่ ธุรกิจซื้อขายอาหารสัตว์ ธุรกิจซื้อขายเนื้อไก่ และผลิตภัณฑ์อาหารบริษัทเป้าหมาย ได้แก่ 1) บริษัท C.P. Food (Hengshui) จำกัด (กำลังการเชือดไก่อยู่ที่ 50 ล้านตัว/ปี) 2) บริษัท C.P. Food (Nantong) จำกัด (กำลังการเชือดไก่อยู่ที่ 15 ล้านตัว/ปี), 3) บริษัท C.P. Food (Kaifeng) จำกัด (กำลังการเชือดไก่อยู่ที่ 30 ล้านตัว/ปี) และ 4) บริษัท C.P. Food (Zhanjiang) จำกัด (กำลังการเชือดไก่อยู่ที่ 30 ล้านตัว/ปี)

ส่งผลบวกต่อ CPF เนื่องจากไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทดังกล่าวอีก ชต่อไป

เรามองว่าพัฒนาการข้างต้นถือว่าส่งผลบวกต่อ CPF เนื่องจากไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากธุรกิจไก่ครบวงจรในประเทศจีนทั้ง 4 บริษัทข้างต้นอีกต่อไป รวมถึงการได้รับชำระคืนภาระหนี้เงินกู้ และการลดอัตราส่วนหนี้สินต่อผู้ถือหุ้นของ CPF ลงจากเดิมเล็กน้อย จากการนำเอาเงินที่ได้จากการขายไปชำระภาระหนี้สินของ CPP เรามองว่าการขายธุรกิจที่ขาดทุนถือว่าสอดคล้องกับแนวทาง นโยบาย รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่จะขายหรือตัดจำหน่ายสินทรัพย์และธุรกิจที่ยังคงขาดทุนอยู่ ณ ปัจจุบันออกไป ภายหลังการทำธุรกรรมในครั้งนี้ สัดส่วนการถือหุ้นของ CPP ในบริษัทเป้าหมายทั้ง 4 บริษัทจะลดลงจาก 100% เหลือ 0% ส่งผลให้ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากบริษัทเป้าหมายทั้ง 4 บริษัทตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป

สำหรับ CPF การไม่ต้องบันทึกผลขาดทุนจากธุรกิจดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่องบการเงินของ CPF ดังต่อไปนี้ ได้แก่ รายได้รวมจะหายไป 1.11 หมื่นล้านบาทต่อปี แต่กำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นอีก 830 ล้านบาทต่อปี (ถ้าอิงจากการที่ CPF ทำการรวมงบการเงินของ CPP เข้ามาในสัดส่วนที่ถือหุ้น 100%) และกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอีก 1.28 พันล้านบาทต่อปี (ถ้าอิงจากสัดส่วนการถือหุ้นของ CPF ใน CPP ที่ 76.24%) นอกจากนี้ CPF จะทำการรับรู้กำไรทางบัญชีที่เกิดขึ้นครั้งเดียวซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 3.05 พันล้านบาทในไตรมาส 4/66เนื่องจากขายในมูลค่าที่สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ติดลบรวมกันของทั้ง 4 บริษัท รวมถึงอัตราส่วนหนี้สินต่อ ส่วนผู้ถือหุ้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 1.73 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/66 ลดลงเหลือ 1.67 เท่า ณ สิ้น ปี 2566 และ 1.66 เท่า ณ สิ้นปี 2567

ปรับเพิ่มประมาณการปี 2566-67

การขายธุรกิจไก่ครบวงจร 4 บริษัทในประเทศจีน ส่งผลให้เราทำการปรับลดประมาณการยอดขายของ CPF ลงอีก 2.4% ในช่วงปี 2567-69 แต่เราปรับประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอีก 0.25-0.28% ในช่วง ปี 2567-69 ซึ่งส่งผลกระทบทางบวกสุทธิต่อประมาณการกำไรสุทธิของ CPF ให้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 25% สำหรับในปี 2567 (ไปอยู่ที่ 6.43 พันล้านบาท) ปรับเพิ่มขึ้นอีก 18% สำหรับในปี 2568 (ไปอยู่ที่ 8.24 พันล้านบาท)และปรับเพิ่มขึ้นอีก 16% สำหรับในปี 2569 (ไปอยู่ที่ 9.39 พันล้านบาท) นอกจากนี้ กำไรทางบัญชีที่บันทึกครั้งเดียวจำนวน 3.05 พันล้านบาทได้ส่งผลให้เราปรับประมาณการขาดทุนสุทธิสำหรับปี 2566 ลดลงอีก 41% (เหลือขาดทุนสุทธิ 4.41 พันล้านบาท) ราคาเป้าหมายซึ่งประเมินด้วยวิธี DDM ของเราปรับเพิ่มขึ้นอีก 2% (ไปอยู่ที่ 26.5 บาท) และเนื่องจากนโยบายที่ชัดเจนสำหรับการขายสินทรัพย์หรือธุรกิจที่ขาดทุนซึ่งคาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้น เราจึงมองว่าเป้าหมายถัดไป ได้แก่ การขายธุรกิจหมูในประเทศจีนออกไปในอนาคต

- Advertisement -