Daily Focus: Sideways // Selective Play
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนลบอ่อนๆ เกือบตลอดวัน ก่อนที่ช่วงปลายตลาดจะทยอยฟื้นตัวขึ้น และปิดบวกบางๆ 0.25 จุด ณ สิ้นวัน มูลค่าการซื้อขายบางลงเหลือ 3.4 หมื่นลบ. โดยขาดปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น ขณะที่นักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน พ.ย. สหรัฐฯ สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแน่นพอสมควรราว 1 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิ 2.1 พันลบ. (และ Short Index Futures เร่งขึ้นเป็น 1.7หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,395-1,415 จุดภาพรวมคาดว่าจะค่อนข้างเงียบเหงา หลังตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาส อย่างไรก็ตามยังมีแรงหนุนอ่อนๆ จากฝั่งสหรัฐฯ คืนวันศุกร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน พ.ย. ออกมาค่อนไปในทางต่ำกว่าคาดเล็กน้อยโดย Core PCE +0.1% m-m, +3.2% y-y ทำให้เงินเฟ้อ Core PCE สหรัฐฯ 6 เดือน Annualized ปรับขึ้น +1.9% y-y ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ FED ที่ 2% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของตลาดสำหรับ FED ที่คาดว่าจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. ปีหน้า และปรับลง 6 ครั้งตลอดปี ด้าน Bond Yield 2 ปีสหรัฐฯ ขยับลงต่อเนื่องเหลือ 4.33% ขณะที่ 10 ปีทรงตัวที่ 3.9% ทำให้ Inverted Yield Curve แคบลงเล็กน้อยเหลือ 0.43% ด้าน Dollar Index ยังอ่อนค่าลงต่อเนื่องและหนุนค่าเงินบาทแข็งค่าแตะ 34.58 บาท/ดอลลาร์ คาดช่วยหนุนให้กระแสเงินทุนต่างชาติมีแนวโน้มพลิกมาไหลเข้าได้บ้าง
นอกจากนี้ คาดว่าแรงซื้อท้ายปีจากฝั่งสถาบันฯ จากเม็ดเงิน SSF/RMF/TESG จะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุน เรายังคงมองว่า SET Index มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ ภาพระยะกลาง-ยาวเรายังมีมุมมองค่อนไปในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปีหน้าที่มีลุ้นกลับมา Outperform หุ้นโลกได้ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 4Q23 ต่อเนื่อง ปี 2024 ขณะที่ Valuation อยู่ในโซนไม่แพงทั้งในแง่ PER ที่ 14.7 เท่าและ EY Gap ราว 4% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต สะท้อนว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่ง และ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพิ่มจังหวะดัชนีปรับลงเข้าหาระดับ 1,350 จุดหรือต่ำกว่า
หุ้นเด่นเดือน ธ.ค.: CPN, GPSC, SJWD, TIDLOR, TU
หุ้นเด่นวันนี้ : CHG
- แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4 บาท
- คาดกำไร 4Q23 ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง จากโรคระบาดในปัจจุบันที่ยังค่อนข้างมากทั้งไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ทำให้ผู้ป่วยคาดว่ายังคงหนาแน่นช่วยหนุน Utilization Rate ให้คาดว่ายังอยู่ในระดับสูง
- เราคาดว่า CHG มีแนวโน้มจะได้โควต้าผู้ประกันตนของประกันสังคมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับ BCH และอาจทำให้ประมาณการกำไรมี Upside เราคาดกำไรปี 2024 พลิกกลับมาเติบโต +16% y-Y ราคาหุ้นยัง Laggard ปัจจุบันเทรด PER เพียง 24 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่กว่า 30 เท่า
- แนวรับ 2.90//2.80 บาท แนวต้าน 3.06-3.10//3.20 บาท
Fund Flow : เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนยังผสมผสาน สุทธิแล้วไหลเข้าภูมิภาคบางๆ US$118 ล้าน เม็ดเงินไหลเข้าไต้หวันและเกาหลีใต้ US$165 ล้านและ US$39 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทย US$60 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะเบาบาง เนื่องจากตลาดส่วนใหญ่ปิดทำการจากเทศกาลคริสต์มาส แต่โดยรวมคาดว่ายังค่อนไปในทางไหลเข้าหลังตัวเลขเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ออกมาต่ำกว่าคาด ตอกย้ำความเชื่อมั่นของตลาดในการลดดอกเบี้ยของ FED ปีหน้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ICHI คาดกำไรสุทธิ 4Q23 ที่ 258 ลบ. -21% q-q เพราะเป็นช่วง low season แต่ +34% y-y โดยเราคาดรายได้จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงถึง 2 พันลบ. จากมูลค่าตลาดชาเชียวพร้อมดื่มที่ยังแข็งแกร่ง คาดกำไรทั้งปี 2023 ทำสถิติสูงสุดที่ 1.06 พันลบ. +66% Y-y อีกทั้งเชื่อว่าโมเมนตันกำไรใน 1H24 จะแข็งแกร่งจากฤดูร้อนที่เป็น High season โดยในปี 2024 ผู้บริหารคาดรายได้โต 10% y-y จากมูลค่าตลาดชาเชียวพร้อมดื่มที่เพิ่มขึ้น การออกสินค้าใหม่และส่งออกฟื้น นอกจากนี้ยังมีแผนเพิ่มกำลังผลิตจาก outsource OEM อีก 5-7% ใน 2024 และจะขยายกำลังผลิตขวดแก้วอีก 13% เริ่มผลิต 1Q25 คงคาดกำไรสุทธิปี 2024-25 +3% y-y และ +5% y-y ตามลำดับ ฐานะการเงินแข็งแกร่งพร้อม Div. yield 5-6% ราคาเป้าหมาย 19 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(+) CBG เบื้องต้นคาดกำไร 4Q23 ที่ 635 ลบ. +20% q-q, +57% y-y จาก 5 ปัจจัยหนูน ดังนี้ 1. Market share เครื่องดื่มชูกำลังเดือน พ.ย. ดียังขึ้นต่อ 2. คาดรายได้ CLMV 4Q23 ฟื้น q-q ได้ ทั้งที่เป็น low season 3. ภาพรวมเครื่องดื่มชูกำลัง 4Q23 ทรงตัวถึงปรับขึ้นเล็กน้อย 4.รับรู้รายได้และกำไรจากเบียร์ได้มากขึ้น 5. เริ่มรับรู้ค่าสปอนเซอร์ EFL จากตะวันแดงใน 4Q23 คาด 1Q24 จะรับรู้รายได้จัดจำหน่ายเบียร์มากขึ้นอย่างมีนัย และมีแผนเตรียมขยายกำลังการผลิตขวดแก้วใน 2024 สถานการณ์ยังดูสอดคล้องประมาณกำไรปี 2024 +48% คงราคาเป้าหมาย 87 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” โดย Top pick ใน 3-6 เดือนนี้สำหรับกลุ่มเครื่องดื่มเรา ชอบ SAPPE และ CBG
(+) NAM คาดกำไรปกติ 4Q23 ที่ 58 ลบ. +19.4% q-q แต่ -13.6% y-y จากรายได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2023 ที่อยู่ในระดับดีต่อเนื่องหลังมีรัฐบาลใหม่ ทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณเร่งตัวขึ้น ส่งผลให้โรงพยาบาลรัฐเร่งจัดซื้อเครื่องมือทำความสะอาดอุปกรณ์ทางการแพทย์เพิ่มขึ้น และมีรายได้การขายวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น จากมีจำนวนผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัวและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง หลังไม่มีค่าใช้จ่ายจากการเสนอขายหุ้น IPO และไม่มีรายการพิเศษที่เป็นกำไรจากการจำหน่าย สินทรัพย์ไม่มีตัวตนที่เป็นสินค้าต้นแบบเหมือนใน 3Q23 ส่วนกำไรที่ลดลง y-y เพราะไม่มีรายได้จากงานก่อสร้างเหมือนใน 4Q22 คาดกำไรสุทธิปี 2023-2025 เติบโตเฉลี่ยปีละ 28% ราคาเป้าหมาย 10 บาท ยังแนะนำ “ซื้อ”
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 18.38 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 37,385.97 จุด ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบางก่อนตลาดปิดทำการในวันจันทร์ (25 ธ.ค.) เนื่องในวันคริสต์มาส และนักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งตอกย้ำการคาดการณ์ที่เฟด จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงปีหน้า
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอลงเกินคาด ซึ่งช่วยบดบังปัจจัยลบจากการร่วงลงของหุ้นของบริษัทเครื่องแต่งกายกีฬา และหุ้นของบริษัทที่เน้นทำธุรกิจในจีน ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสในวันจันทร์ (25 ธ.ค.)
(+) ตลาดหุ้นเอเชีย ปิดบวก นำโดยตลาดหุ้นอินเดีย และนิกเกอิ ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดสหรัฐเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการในวันนี้เนื่องในวันคริสต์มาส
(+) ค่าเงินบาท แข็งค่า อยู่ที่บริเวณ 34.58 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ -0.46%
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 33 เซนต์ หรือ 0.45% ปิดที่ 73.56 ดอลลาร์/บาร์เรล ปิดลบในวันศุกร์ (22 ธ.ค.) ก่อนตลาดหยุดยาวในช่วงสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดจะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันคริสต์มาส โดยสัญญาน้ำมันดิบถูกกดดันจากการคาดการณ์ที่ว่า แองโกลาอาจเพิ่มการผลิตน้ำมันหลังจากถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มโอเปก ในขณะที่เช้านี้ลดลงอยู่ที่ระดับ 73.56 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.45%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 17.80 ดอลลาร์ หรือ 0.87% ปิดที่ 2,069.10 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่ชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นที่ระดับ 2069.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ +0.87%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 878.25/ –